น้ำตาลเป็นเครื่องปรุงรสที่ต้องมีอยู่ในทุก ๆ วัฒนธรรมทั่วโลกไม่ว่าจะทั้งของคาวและของหวานใช้มากน้อยตามเมนู รสชาติจากน้ำตาลเหมือนเป็นรสชาติจากสวรรค์ที่เมื่อคุณมีอารมณ์มาในรูปแบบไหนก็แล้วแต่ทั้งโกรธ หิว ร้อน เครียด หรือหงุดหงิดง่าย เพียงแค่ทานของหวานมันช่วยให้คุณใจเย็นหรืออารมณ์ดีขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่เมื่อผู้คนเริ่มติดใจความสุขที่ได้จากความหวานซึ่งเกือบทั้งหมดถูกปรุงด้วยน้ำตาลมันจึงนำมาซึ่งโรคภัยที่เกิดจากการบริโภคน้ำตาลที่มักจะเชื่อมโยงกับโรคหัวใจและโรคอ้วนและเป็นสาเหตุที่จะก่อให้เกิดโรคอีกมากมายและในปัจจุบันมีข้อมูลออกมารับรองมากมายแล้วว่าน้ำตาลทำร้ายผิว อ่านดูแล้วอาจจะเป็นเรื่องยากเมื่อต้องตัดเมนูของหวานที่คุณชอบทิ้ง โดยเฉพาะกับคนที่ชอบของหวานเป็นชีวิตจิตใจ เรามีคำแนะนำบางอย่างที่คุณจะต้องรู้เกี่ยวกับน้ำตาลทั้งโทษและประโยชน์เพื่อการบริโภคหรือนำไปใช้ให้เหมาะสมและปลอดภัยต่อสุขภาพร่างกายและสุขภาพผิวคุณมากยิ่งขึ้น
การบริโภคน้ำตาล
น้ำตาลมักมีชื่อเสียงไม่ค่อยดีนักเมื่อเราพูดถึงมื้ออาหารที่มีความสมดุลและคุณค่าทางโภชนาการที่ดีต่อร่างกาย แต่ความจริงแล้วน้ำตาลมีความสำคัญต่อร่างกายมนุษย์ก็คือว่าคุณไม่สามารถอยู่รอดได้หากไม่มีน้ำตาลร่างกายของคุณต้องอาศัยน้ำตาลใน “ปริมาณเล็กน้อย” เพื่อให้ร่างกายทำงานได้อย่างถูกต้อง ความเข้าใจของคนส่วนใหญ่คือเมื่อต้องการลดน้ำตาลนั้นเท่ากับการงดน้ำตาลจริง ๆ แล้วคุณสามารถเพิ่มปริมาณน้ำตาลเล็กน้อยอย่างเหมาะสมและพร้อมการออกกำลังกายในแต่ละวันไปด้วยนั้นจะส่งผลดีต่อร่างกายมากเลยค่ะ
“พูดง่าย ๆ ก็คือน้ำตาลเป็นรูปแบบหนึ่งของคาร์โบไฮเดรตเมื่อมันถูกย่อยและสลายเป็นกลูโคส นี้ทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานที่ต้องการสำหรับเซลล์ทั่วร่างกายรวมทั้งสมองและระบบประสาทส่วนกลางของมนุษย์”
น้ำตาลสี่แบบที่พบบ่อยที่สุด
Glucose : กลูโคส
หรือน้ำตาล Dextose เป็นของแข็งสีขาวพบได้ในผลไม้ที่มีรสหวานโดยมีลักษณะเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว และเป็นสารตั้งต้นของการผลิตพลังงานที่นำไปใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งสามารถพบได้ในผลไม้ที่มีรสชาติหวาน เช่น องุ่น หรืออาหารที่มีรสหวานอื่น ๆ เช่น ข้าวโพด และน้ำผึ้ง เมื่อกินแล้วลำไส้จะทำการดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องผ่านกระบวนย่อยสลายแต่อย่างใด
Fructose : น้ำตาลฟรุกโตส
เป็นน้ำตาลที่พบได้ตามธรรมชาติในผลไม้ที่มีรสหวาน หรือเรียกอีกอย่างว่าน้ำตาลผลไม้ (Fruit sugar) นิยมใช้สำหรับผสม น้ำหวาน น้ำอัดลม แหล่งที่พบน้ำตาลฟรุกโตสเช่น องุ่น แอปเปิ้ล สาลี่ สตรอเบอร์รี่ และ น้ำผึ้ง เนื่องจากเป็นน้ำตาลที่มีค่า Glycemic index (GI) ต่ำจึงทำให้ระดับน้ำตาลขึ้นไม่สูงเท่ากลูโคสทำให้ฟรุกโตสเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า สุดพบได้มากในผลไม้ทำให้น้ำตาลฟรุกโตสเป็นที่คุ้นเคยของผู้บริโภค สามารถให้ความหวานได้มากกว่าน้ำตาลทราย (Sucrose) ในการปรุงอาหารและใส่ในเครื่องดื่ม
Sucrose : น้ำตาลซูโครส
หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าน้ำตาลทรายนิยมนำมาใช้ปรุงอาหารที่ใช้เป็นสารให้ความหวาน (sweetener) พบอยู่ในพืชและผลไม้หลายชนิดแต่ที่นำมาใช้เป็นวัตถุดิบผลิตน้ำตาลทางการค้า คือ อ้อย และหัวบีท (beat root)
Lactose : น้ำตาลแล็กโทส
หรือที่รู้จักกันในนามน้ำตาลที่อยู่ในผลิตภัณฑ์นมต่าง ๆ มีความหวานน้อยกว่าน้ำตาลประเภทอื่น
ข้อดีของน้ำตาลต่อร่างกาย
- น้ำตาลเพื่อพลังงาน
น้ำตาลให้พลังงานแก่กล้ามเนื้อและทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานสำหรับสมองและระบบประสาทของคุณ คุณยังต้องการน้ำตาลเพราะมันช่วยเผาผลาญไขมันและป้องกันร่างกายของคุณจากการใช้โปรตีนเป็นพลังงาน(ทำให้เสียมวลกล้ามเนื้อ) น้ำตาลในเลือดที่เรียกว่ากลูโคสจะสลายไปเป็นชุดของปฏิกิริยาเคมีที่สร้างพลังงานขึ้นซึ่งจะเติมเชื้อเพลิงให้กับเซลล์ของคุณ โดยได้แหล่งกระจายพลังงานจากฮอร์โมนที่เรียกว่าอินซูลินที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการโดยจะหลั่งออกมาเมื่อคุณกินน้ำตาลและบอกให้เซลล์ในร่างกายเข้าดูดซับกลูโคสเพื่อให้พวกมันใช้เป็นแหล่งพลังงานได้
- พลังงานสำรอง
พลังงานสำรองเหล่านี้มีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อการรักษาระดับน้ำตาลในเลือดของคุณให้คงที่ โดยปรกติเมื่อกลูโคสที่ถูกย่อยสลายเปลี่ยนเป็นพลังงานไปยังเซลล์ต่าง ๆ ก็จะมีกลูโคสที่ไม่ถูกย่อยจะถูกนำไปสร้างเป็นไกลโคเจนเก็บสะสมไว้ที่ตับและกล้ามเนื้อที่เรียกว่าไกลโคเจน ไกลโคเจนจะทำหน้าที่เป็นพลังงานสำรองที่ใช้เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดของคุณลดลง เช่น เมื่อคุณออกกำลังกายคุณต้องกินคาร์โบไฮเดรตเพื่อให้ไกลโคเจนของคุณถูกเติมเต็ม โดยที่ตับนั้นสามารถเก็บสะสมไกลโคเจนได้ 100 กรัม ส่วนที่กล้ามเนื้อจะเก็บสะสมได้ประมาณ 400 กรัม จะสังเกตได้ว่านักกีฬาส่วนใหญ่นิยมบริโภคคาร์โบไฮเดรต เช่น ขนมปัง ข้าว ก๋วยเตี๋ยว เผือกและมัน ก่อนเล่นกีฬาเป็นหลัก
- น้ำตาลเพื่อสุขภาพ
ใช่ค่ะ! คุณสามารถบริโภคน้ำตาลเพื่อสุขภาพได้เช่นกันแต่กุญแจสำคัญในการใช้น้ำตาลเป็นพลังงานคือการเลือกแหล่งน้ำตาลที่ดีต่อสุขภาพตัวอย่างเช่น ผลไม้ที่มีฟรุกโตสซึ่งเป็นน้ำตาลธรรมชาติที่ดีได้จากการรับประทานผลไม้ เช่น กล้วย แอปเปิ้ล พีช พลัม หรือองุ่นหนึ่งกำมือ เป็นอาหารว่างที่มีคุณค่าทางโภชนาการและมีแคลอรีต่ำที่สามารถเพิ่มน้ำตาลในร่างกายก่อนออกกำลังกายหรือช่วยเติมน้ำตาลหลังออกกำลังกาย ฟรุกโตสเป็นน้ำตาลที่ถูกส่งตรงไปยังตับและกล้ามเนื้อเลยจึงสามารถให้พลังงานอย่างรวดเร็ว การทานผลไม้ที่มีฟรุกโตสยังมีไฟเบอร์ซึ่งช่วยปรับสมดุลผลและทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ นอกจากผักและผลไม้แล้วยังมีอาหารประเภทนม เช่น นมและโยเกิร์ตก็เป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพเช่นกันเพราะอาหารเหล่านี้ให้สารอาหารอื่น ๆ เช่น โปรตีนและแคลเซียม หรือธัญพืชไม่ขัดสีจะมีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่มีน้ำตาลให้ประโยชน์ต่อร่างกายเช่นกัน
ข้อเสียของการบริโภคน้ำตาล
- สมองและอารมณ์แปรปรวน
ปริมาณส่วนเกินของน้ำตาลในอาหารของเราสามารถส่งผลกระทบต่อเราในหลากหลายวิธี และหนึ่งในผลกระทบที่สำคัญต้องคือการส่งผลกระทบต่อสมองของเราจากระดับพลังงานที่สูงขึ้น จะสามารถนำไปสู่อารมณ์ที่แปรปรวนเพราะเมื่อร่างกายของเรารับความหวานมาก ๆ จึงปรับตัวไม่ทัน และหากคุณเติมความหวานเข้าสู่ร่างกายเรื่อย ๆ จนร่างกายสามารถปรับตัวตามปริมาณน้ำตาลแล้วคุณจะต้องเติมน้ำตาลในระดับนั้นเรื่อย ๆ เพื่อให้การทำงานของสมองสมดุลยและคงที่ นอกจากนี้ยังสามารถนำไปสู่การบริโภคน้ำตาลมากยิ่งขึ้นเนื่องจากน้ำตาลจะแจ้งให้สมองของเราปล่อย Serotonin และโดปามีน (ฮอร์โมน ‘ความสุข’ ของเรา) นี้แหละคือเหตุผลที่ว่าทำไมเราทานของหวานแล้วอารมณ์ดี ซึ่งเป็นกับดักที่หลายคนไม่สามารถสลัดออกได้
- ทำลายระบบภูมิคุ้มกันทำให้เกิดการอักเสบ
ระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งของเราไม่ใช่อวัยวะจุดใดจุดหนึ่งในร่างกายแต่มันประกอบไปด้วยเซลล์เล็ก ๆ นับล้านที่ครอบคลุมร่างกายของเราและช่วยปกป้องเรา เมื่อร่างกายของเราถูกบุกรุกโดยแบคทีเรียไวรัสและเชื้อโรคอื่น ๆ แต่เมื่อคุณกินน้ำตาลระบบนี้มันจะถูกทำลายลงไปทำให้ร่างกายอ่อนแอลง หากระบบภูมิคุ้มกันมีพลังในการต่อสู้ลดลงจึงนำไปสู่การแพร่กระจายของการติดเชื้อทั้งในร่างกายและผิวที่แพ้ง่าย การลดปริมาณน้ำตาลที่เกินจำเป็นจึงมีประโยชน์มากสำหรับปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกันและยังช่วยลดความเสี่ยงของการอักเสบเรื้อรังซึ่งสามารถเพิ่มความสามารถของร่างกายในการต่อสู้กับการติดเชื้อในร่างกายรวมถึงการติดเชื้อบนผิวหนังอีกด้วย
- รบกวนการนอนหลับทำให้
มีการเชื่อมโยงทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้ว่าพวกมันมีความสัมพันธ์กันระหว่างการบริโภคน้ำตาลสูงและความเจ็บป่วยทางจิตอื่น ๆ ผลการศึกษาในปี 2016 พบว่าผู้ที่รับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูงมักจะนอนหลับน้อยลงและแสดงอาการกระสับกระส่ายมากขึ้นในเวลากลางคืน ดร.ไมเคิล บรีอุส หรือที่รู้จักกันในนาม “แพทย์ด้านการนอนหลับ” นักจิตวิทยาคลินิกชาวอเมริกันที่เชี่ยวชาญเรื่องความผิดปกติของการนอนหลับ กล่าวว่า น้ำตาลที่มากเกินไปจะทำให้มีแนวโน้มที่ระดับน้ำตาลในเลือดจะขึ้นลงแบบที่ควบคุมไม่ได้ นั่นส่งผลเสียต่อการนอนหลับ และการนอนหลับที่กระวนกระวายใจจะทำให้คุณอยากน้ำตาลมากขึ้นในวันถัดไปจนกลายเป็นวงจรอุบาทว์ที่เกิดขึ้นบ่อยจนติดเป็นนิสัยเมื่อนอนไม่หลับติดต่อกันจึงผลเสียต่อผิวหม่นหมองไม่สดใส
กระทบต่อระบบย่อยอาหาร
การได้รับปริมาณน้ำตาลที่มากเกินไปสามารถส่งผลเสียต่อการย่อยอาหารและสุขภาพของคุณ คือเมื่อเกิดการดูดซับมันจะทำให้ผ่านระบบย่อยอาหารของคุณน้ำตาลเป็นอาหารแสนโปรดของแบคทีเรียในลำไส้ของคุณซึ่งสามารถนำไปสู่การท้องอืดและปวดท้อง หรือสามารถนำไปสู่ปรสิตและแบคทีเรียที่เป็นอันตรายอื่น ๆ ได้แก่ ปรสิตในลำไส้ การติดเชื้อราลำไส้ ลำไส้รั่ว และอาการผิดปกติอื่น ๆที่เกิดจากแบคทีเรียในลำไส้ของคุณที่ไม่สมดุลและเมื่อการการขับถ่ายเป็นปกติผิวของคุณก็จะกลับมาสดใสอีกครั้ง การลดระดับน้ำตาลจะไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาทั้งหมดเหล่านี้แต่ยังปรับปรุงการย่อยอาหารของคุณควบคุมระดับฮอร์โมนของคุณและลดการแพ้อาหารอีกด้วย
- น้ำหนักเกินมาตรฐานและโรคพื้นฐาน
เมื่อคุณกินน้ำตาลทรายบริสุทธิ์มากเกินไปการผลิตอินซูลินของคุณเพิ่มขึ้นซึ่งมันจะหยุดการดึงไขมันมาเป็นเชื้อเพลิง ร่างกายของคุณเปลี่ยนน้ำตาลส่วนเกินให้เป็นไขมันพอกจนมีน้ำหนัก หนึ่งในประโยชน์ของการลดน้ำตาลในอาหารของคุณคือร่างกายของคุณจะช่วยให้มั่นใจในระดับอินซูลินของคุณในระดับที่เหมาะสมช่วยลดระดับความดันโลหิตและคอเลสเตอรอล ดังนั้นคุณจะต้องหันไปหาอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นรวมถึงความหวานที่มาจากผลไม้ ผัก อาหารทะเล ถั่ว ธัญพืช ไข่และเนื้อสัตว์ที่มีความสดใหม่เท่าที่จะหาได้ อาหารสดเหล่านี้มีความมหัศจรรย์จากทั้งเป็นโปรตีน, เส้นใย, ไขมัน, วิตามินและแร่ธาตุมากมายโปรดลดการปรุงอาหารด้วยน้ำตาลและสารให้ความหวานอื่น
_______________
ปริมาณที่แนะนำต่อวัน
ชาย/หญิง วัยทำงาน : 24 กรัม หรือ 6 ช้อนชา
เด็กและผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป : 16 กรัม หรือ 4 ช้อนชา
ประโยชน์ของน้ำตาลเมื่อใช้ภายนอก
จะเป็นได้ว่าการบริโภคน้ำตาลนั้นอาจจะส่งผลไปในทางแย่มากกว่าเพราะอาหารส่วนใหญ่ที่เราเจอในปัจจุบันมีการแปรรูปและปรุงมาแล้วโดยเมื่อเรานับแคลอรี่โดยรวมแล้วต้องเกินปริมาณที่แนะนำต่อวันแน่นอน แต่คุณอย่าเพิ่งทิ้งน้ำตาลที่เหลืออยู่ในครัวทิ้งล่ะ เพราะมันกลับมีประโยชน์เมื่อนำมาใช้ภายนอกกับผิว
น้ำตาลให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นขึ้น
น้ำตาลสามารถเป็นสารให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติซึ่งหมายความว่าจะดึงความชื้นจากสิ่งแวดล้อมและล็อคเข้าสู่ผิวโดยการทาผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำตาลหรืออนุพันธ์ของน้ำตาล ปลอบประโลมผิวเพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและสม่ำเสมอ ช่วยเสริมการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินตามธรรมชาติ เสริมความแข็งแรงของผิวและเผยให้เห็นใบหน้าที่สดใสผิว คงความชุ่มชื่น เรียบเนียนและอวบอิ่มมากยิ่งขึ้น
น้ำตาลป้องกันริ้วรอยได้
น้ำตาลเป็นแหล่งของกรดไกลโคลิกตามธรรมชาติซึ่งเป็นกรดอัลฟ่าไฮดรอกซี (AHA) ที่ซึมซาบสู่ชั้นผิวที่ลึกที่สุดของผิวหนังจะทำลายกาวที่ทำให้ผิวเสียยึดเกาะกันออกและช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ทำให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย รวมทั้งกรดไกลโคลิกสามารถใช้รักษาผิวที่ถูกทำลายจากแสงแดดที่เป็นสาเหตุริ้วรอยแห่งวัยได้
สารผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติ
น้ำตาลในรูปแบบเม็ดละเอียดและเป็นสารสกัดเป็นตัวผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติเพื่อขัดและขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วฟื้นฟูผิวของคุณ เปลี่ยนผิวที่หมองคล้ำและขาดความฉ่ำวาว
ขจัดสิ่งสกปรกเพื่อผิวที่สดชื่นกระจ่างใส เรียบเนียน และเปล่งปลั่งขึ้น
ต้องยอมรับว่าน้ำตาลทำร้ายผิว ได้ไม่น้อยเลยทีเดียวเนื่องจากการเข้าไปรบการการทำงานของสมองและระบบอื่น ๆ ทำให้ร่างกายขาดความสมดุลแบบที่ควรจะเป็น การทานหวานนั้นอาจจะต้องเป็นเรื่องที่คุณจะต้องจำกัดอย่างเคร่งครัด ลดการตามใจปากลงบ้างเพราะหากสายเกินแก้สิ่งที่คุณจะได้แถมมากับความหวานแสนอร่อยเหล่านี้อาจจะเป็นถุงยาที่มีทั้งยาลดไขมัน ความดัน หรือเบาหวานแถมมาด้วย อาจจะยากหน่อยแต่ลองให้เวลาสมองของคุณปรับตัวกับการลดการบริโภคน้ำตาลสักพักเพื่อให้มันคุ้นกับความหวานที่น้อยลงแล้วมันก็จะไม่โหยหาและจะค่อย ๆ ลดความอยากลงเรื่อย ๆ พอทำได้มันจะเป็นของขวัญที่ดีสำหรับร่างกายคุณ แต่อย่าลืมนะคะว่าน้ำตาลมีประโยชน์กับการใช้สำหรับผิวภายนอกมากเลยลองหาสูตรสครับผิวที่เหมาะกับผิวของคุณเพื่อผิวเปล่งปลั่งกว่าที่เคย prettyladybaby
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> น้ำเต้าปูปลาออนไลน์