เมื่อพูดถึงส่วนผสมยอดนิยมที่ผ่านหูผ่านตาเรามานานแสนนานอย่างผลไม้ตระกูลซิตรัส (Citrus) ส่วนใหญ่เราอาจจะนึกถึงแต่วิตามินซีเป็นอันดับแรกที่จริงแล้วผลไม้เหล่านี้มีกรดอื่นที่เราคุ้นตามาเหมือนกันอย่าง “AHA” ใช่ค่ะ! ตัวที่เรามักจะได้รับคำแนะนำจากเภสัชหรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพื่อผลัดเซลล์ผิวให้กระจ่างใสซึ่ง AHA เองก็มีหลายประเภทได้แก่ กรดไกลโคลิก แลคติก และกรดมาลิก แต่วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับกรดซิตริกที่ได้มาจากผลไม้ต่าง ๆ ที่เราชอบทานกันจนฟังดูคล้ายกับส่วนผสมที่อยู่ในสมูทตี้มากกว่าในครีมทาหน้า เป็นตัวเลือกยอดนิยมในการดูแลผิวด้วยเหตุผลหลายประการมาทำความรู้จักให้มากขึ้นกันค่ะ
กรดซิตริก (Citric acid) ที่จริงคำว่าซิตริก/Citric มาจากภาษาละตินคำว่าซิตรัส/Citrus แน่นอนว่าจุดกำเนิดได้มาจากผลไม้ตระกูลซิตรัส การค้นพบในครั้งแรกได้จากน้ำมะนาวโดยนักวิจัยชาวสวีเดนในปี 1784 เป็นหนึ่งในกรดอินทรีย์ต่าง ๆ มีความเป็นกรดอ่อน ๆ มีลักษณะเหมือนผลึกใสขนาดเล็ก คล้ายกับเกลือแกง แม้ว่าจะไม่มีกลิ่น แต่ก็มีรสเปรี้ยว โดยจะพบในผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวที่ผลิตได้จากมะนาว ส้ม มะขามหรือสับปะรด เป็นต้นนอกจากนี้ยังพบในผลเบอร์รี่บางชนิดที่มีรสเปรี้ยว
แต่ปัจจุบันกรดซิตริกที่ระบุไว้บนฉลากส่วนผสมของอาหารและอาหารเสริมต่าง ๆ นั้นไม่ใช่กรดที่ได้ตามธรรมชาติเนื่องจากการผลิตกรดซิตริกจากผลไม้รสเปรี้ยวนั้นมีราคาแพงเกินไป จึงมีการหมักแป้งและน้ำตาลผ่านวิถีไกลโคไลซีส (Glycolysis Pathway) จนกลายมาเป็นส่วนผสมที่นิยมใช้ประโยชน์ในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น อาหาร ยา และเครื่องสำอางบางชนิด ที่เรารู้จักกันดีในชื่อ AHA หรือกรดอัลฟาไฮดรอกซีซึ่งส่วนใหญ่ใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสําอางและความงามเนื่องจากคุณสมบัติต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อผิว
“กรดซิตริกเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ผู้คนใช้เป็นเครื่องปรุงและสารกันบูดอาหาร เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง และเป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด”
คุณสมบัติของกรดซิตริกทำให้เป็นสารเติมแต่งที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ดังนี้
- อาหารและเครื่องดื่ม ใช้กรดซิตริกประมาณ 70%
วัตถุเจือปนและแต่งกลิ่นอาหารและเครื่องดื่มที่พบมากที่สุดในโลกได้แก่กรดซิตริกใช้เพื่อเพิ่มความเป็นกรด เพิ่มรสชาติ ทำให้อาหารสดอยู่เสมอ และทำหน้าที่เป็นสารกันบูดในอาหารแปรรูปหลายชนิดเพื่อรักษาส่วนผสมให้ไม่เน่าเสีย เราจะหามันได้ใน น้ำอัดลม น้ำผลไม้ เครื่องดื่มผง ลูกอม อาหารแช่แข็ง และผลิตภัณฑ์นมบางชนิด ผลไม้และผักกระป๋อง โดยชะลอหรือช่วยป้องกันการก่อตัวของแบคทีเรีย เชื้อรา ยีสต์ และเชื้อรา เช่นโรค Botulism (พิษจากอาหาร) ซึ่งเป็นโรคที่ร้ายแรงซึ่งเกิดจากแบคทีเรีย Clostridium botulinum ที่ผลิตสารพิษเพื่อจู่โจมร่างกาย อาหาร นอกจากนี้ยังช่วยปรับสมดุลระดับ pH หรือความเป็นกรดของอาหารหรือเครื่องดื่ม ตัวอย่างเช่น เมื่อผู้ผลิตเพิ่มกรดซิตริกลงในไวน์ จะทำให้ความเป็นกรดและรสชาติดีขึ้น
- เครื่องสำอาง ยา และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ใช้กรดซิตริกประมาณ 20%
ในเครื่องสำอางนั้นกรดซิตริกมีประโยชน์มากมายเมื่อเติมลงในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว สามารถปรับผิวให้กระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอย และแม้แต่โทนสีผิว ช่วยรักษาเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดเชื้อรา แบคทีเรีย หรือเชื้อรา ส่วนในอุตสาหกรรมยาและอาหารเสริมมันถูกเพิ่มเข้าไปในยาเพื่อช่วยให้คงตัวและรักษาส่วนผสมให้ใช้งานได้นานและปรับปรุงรสชาติของยาให้ทานได้ง่ายขึ้นส่วนใหญ่จะใช้ในยาที่ต้องเคี้ยวและยาแบบน้ำคงไม่ต้องสงสัยว่ายาน้ำเด็กมันมีรสชาติอร่อยได้อย่างไร นอกจากนี้ในอาหารเสริมจะเข้าไปช่วยการดูดซึมของสารอาหารได้ดีขึ้น
- ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและอื่น ๆ 10%
สำหรับน้ำยาฆ่าเชื้อและทำความสะอาด กรดซิตริกมีประโยชน์เพื่อเป็นสารฆ่าเชื้อที่ดีกับแบคทีเรียและไวรัสหลายชนิดจากการศึกษาในหลอดทดลองพบว่าสามารถรักษาหรือป้องกันโนโรไวรัสของมนุษย์ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเจ็บป่วยจากอาหาร กรดซิตริกมีจำหน่ายในเชิงพาณิชย์เพื่อเป็นยาฆ่าเชื้อและสารทำความสะอาดทั่วไปสำหรับขจัดคราบต่าง ๆ มันถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อและทำความสะอาดทั่วไป เช่น น้ำยาฟอกขาวและคลอรีน
ประโยชน์ต่อผิวพรรณ
ปรับผิวให้สม่ำเสมอและเรียบเนียน
เนื่องจากกรดซิตริกเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มโมเลกุลอัลฟ่าไฮดรอกซี (Alpha Hydroxy Acid หรือ AHA) มันจึงมีคุณสมบัติในการผลัดผิวใหม่ AHA จะช่วยขจัดเซลล์ผิวชั้นบนสุดของผิวหนัง เผยให้เห็นผิวชั้นใหม่ที่อยู่ด้านล่างที่สดใหม่และดูดีกว่า เหมาะกับการกำจัดจุดด่างดำ ความหมองคล้ำ มันจะเข้าไปผลัดและลอกผิวชั้นเล็ก ๆ ของผิวออกเมื่อค่อย ๆ ใช้ไปเรื่อย ๆ เซลล์เก่าที่หมองคล้ำสะสมจะค่อย ๆ หลุดออกจากผิวทำให้บริเวณของผิวหนังที่มีเมลานินจำนวนมากลดน้อยลงทำให้มีโทนสีผิวให้สม่ำเสมอยิ่งขึ้น และยังจะเข้ากระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจนในผิว เนื้อเยื่อของรอยแผลเป็นที่มีเนื้อสัมผัสและลักษณะที่แตกต่างจากผิวหนังส่วนอื่น ๆ ให้กลมกลืนเรียบเนียนมากขึ้น
ลดเลือนริ้วรอย
เมื่ออายุมากขึ้นเรื่อย ๆ และการสัมผัสกับแสงแดดสะสมมาเป็นเวลานาน ทำให้การผลัดเซลล์ผิวใหม่จะช้าลง พร้อมกับคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนังสลายตัวมากยิ่งขึ้นส่งผลให้ผิวไม่เด้งกลับมาดังเดิมสามารถเพิ่มการปรากฏของริ้วรอยและร่องลึกได้เร็วและชัดเจนมากยิ่งขึ้น มักจะเกิดในบริเวณที่ผิวหนังเคลื่อนไหวบ่อยหรือบริเวณที่ใช้เพื่อการแสดงอารมณ์บ่อย ๆ เช่น รอบดวงตาและหน้าผาก การใช้ AHA เป็นประจำกรดนี้จะเข้าไปช่วยขจัดเซลล์ผิวชั้นบนที่ตายแล้ว เผยเซลล์ใหม่ที่อยู่ข้างใต้ พวกมันจะเข้าไปเพิ่มการสังเคราะห์ของไกลโคซามิโนไกลแคน (Glycosaminoglycans) ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการเจริญเติบโตและการเพิ่มจำนวนของเซลล์ ส่งเสริมการยึดเกาะของเซลล์ และการซ่อมแซมบาดแผล จึงทำให้ผิวที่มีสภาพอ่อนล้า เสื่อมโทรม หรือหย่อนคล้อย ได้รับการกระตุ้นเพื่อฟื้นฟูตัวเองให้กลับมาสดใสเต่งตึงอีกครั้ง
ปรับค่า pH ลดสิว ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และไวรัส
มันจะช่วยในการป้องกันสิวด้วยการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วซึ่งอาจสะสมจนทำให้ตันรูขุมขนและทำให้เกิดสิวได้ พร้อมทั้งการปรับสภาพผิวให้มีความเป็นกลางเพราะการรักษาค่า pH นั้นสำคัญเพราะเมื่อเราปกป้องผิวไม่ให้เป็นด่างมากเกินไปจะช่วยรักษาการทำงานของเกราะป้องกันผิวทำให้ผิวแข็งแรง กรดนี้มักเป็นทางเลือกที่ดีในการต่อต้านจุลินทรีย์ โดยค่า pH มีค่ากลางอยู่ที่ 7 (จาก 1-14) โดยบนผิวของเรานั้นมีความเป็นกรดอยู่ระหว่าง 4 ถึง 7 ค่าที่สูงกว่าจะเป็นด่างและสิ่งใดที่ต่ำกว่าจะเป็นกรดสำหรับผิว ส่วนกรดซิตริกมีค่า pH อยู่ระหว่าง 3-6 ซึ่งหมายความว่าเป็นกรดที่ค่อนข้างอ่อน ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผสมกรดซิตริกสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสต่าง ๆ ที่ไม่สามารถอาศัยอยู่ในระดับค่า pH 3-6 เมื่อมันเข้าไปปรับสิ่งแวดล้อมให้ไม่เอื้อต่อการอยู่อาศัยของจุลินทรีย์เหล่านี้พวกมันก็จะตายลงในที่สุด
เหมาะกับใคร?
ต้องการผลัดเซลล์ผิว
ต้องการกระชับรูขุมขน
ต้องการลดการริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่น
ต้องการสีผิวให้สม่ำเสมอ
ต้องการผิวที่กระจ่างใสและเนียนนุ่ม
มาส์กน้ำนมสำหรับผิวเป็นสิว
เพื่อให้ผิวสว่างขึ้นและได้ผลลัพธ์ที่คล้ายกับการลอกผิวด้วยสารเคมีแบบอ่อนโยน ให้ลองใช้มาส์กน้ำนมที่ผสมกรดซิตริกและกรดแลคติกเพื่อขจัดเซลล์ที่ตายแล้วและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ในการทำมาส์กนี้
ให้ผสมนมไขมันต่ำ 1/4 ถ้วย
ผงกรดซิตริก 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำ 1/4 ถ้วย
ผสมลงในชามขนาดเล็กจนเข้ากันและให้สังเกตว่าผงกรดซิตริกละลายแล้วจึงทาส่วนผสมลงบนผิวแห้ง ปล่อยให้มาส์กแห้งเป็นเวลา 15 นาที จนมันเริ่มกระชับทำให้ผิวหน้าตึงและมาส์กแห้งจนแตกร้าวแล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำอุ่น ซับหน้าให้แห้งแล้วตามด้วยการบำรุงด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ทันที
มาส์กดูดสิ่งสกปรกสำหรับรูขุมขนอุดตัน
มาส์กนี้เหมาะกับการลอกดูดสิ่งสกปรกและน้ำมันออกมา มันจะแทรกซึมลึกเข้าไปในรูขุมขนทำให้ผิวนุ่มขึ้น สะอาดขึ้น และสดใสขึ้น
น้ำเปล่า 1/2 ถ้วยตวง
น้ำส้ม 1/2 ถ้วยตวง
ผงกรดซิตริก 2 ช้อนโต๊ะ
เจลาตินที่ไม่มีรสหนึ่งซอง
ตั้งไฟปานกลางแล้วผสมส่วนผสมทั้งหมดนี้ลงในกระทะ คนตลอดเวลาจนผงเจลาตินและกรดซิตริกละลายหมดพอได้ที่แล้วก็เทส่วนผสมลงในชามที่ทนความร้อน ปล่อยทิ้งไว้ให้เย็นลงแล้วใช้มาส์กบาง ๆ กับผิวที่แห้ง ปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลา 30 นาทีแล้วลอกออกเบา ๆ โดยเริ่มจากแกะขอบด้านข้างเข้ามาด้านในของมาส์ก
สครับสำหรับสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ
เพื่อแก้ไขบริเวณที่มีสีผิวไม่สม่ำเสมอหรือหยาบกร้าน สครับกรดซิตริกจะช่วยให้ผิวรู้สึกสดชื่นและอ่อนนุ่มมากยิ่งขึ้น
โยเกิร์ตธรรมดา 1/4 ถ้วย
ข้าวโอ๊ตรีด 2 ช้อนโต๊ะ
ผงกรดซิตริก 1 ช้อนโต๊ะ
ผสมทั้งหมดลงในชามขนาดเล็กผสมจนเข้ากันดีแล้ว ให้ใช้สครับกับผิวที่เพิ่งทำความสะอาดหมาด ๆ ใช้นิ้วมือถูเบา ๆ เป็นวงกลมนานสองนาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น
ผลข้างเคียงและข้อควรระวัง
เช่นเดียวกับในกรณีของกรดอื่น ๆ คุณควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผลิตภัณฑ์สำหรับการใช้งานโปรดใช้ความระมัดระวังหากคุณมีผิวบอบบาง และหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวใด ๆ ร่วมด้วย เช่น สครับหรือเครื่องมือขัดผิวอื่น ๆ และหากคุณใช้เรตินอยด์ในการดูแลผิวพรรณของคุณให้ใช้ร่วมกันได้แต่ขอให้แยกใช้เช่นอาจจะใช้กรดซิตริกในตอนเช้าและเรตินอยด์ในตอนกลางคืนหรือวันเว้นวัน หากคุณมีความอ่อนไหวต่อส่วนผสมมากเช่นสตรีมีครรภ์และให้นมบุตรจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อความปลอดภัย ควรเก็บผลิตภัณฑ์นี้ไว้ในพื้นที่ที่เด็กไม่สามารถเข้าถึงได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 7 ปี
กรดซิตริกมีโอกาสทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายหรือสัมผัสเป็นเวลานานก่อนที่จะใช้สกินแคร์สูตรเฉพาะที่มีกรดซิตริกเราขอแนะนำให้ทำการทดสอบบนผิวหนังซึ่งสามารถทำได้โดยการใช้ปริมาณเล็กน้อยกับพื้นที่เล็กๆ ของผิวที่บอบบาง ไม่ควรใช้กรดซิตริกใกล้หรือรอบดวงตาหรือบริเวณที่บอบบางเป็นพิเศษของผิวหนัง ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากกรดซิตริก ได้แก่ อาการคัน แสบร้อน บวม ผื่นแดง ผิวไหม้แดด และการระคายเคืองในรูปแบบอื่น ๆ ในกรณีที่เกิดอาการแพ้ ให้หยุดใช้ผลิตภัณฑ์และไปพบแพทย์ เภสัชกร หรือผู้แพ้ทันทีเพื่อประเมินสุขภาพและดำเนินการแก้ไขอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันผลข้างเคียง
สรุปจุดเด่น
- กรดซิตริกเป็นกรดจากธรรมชาติที่มีอยู่ในผลไม้เช่นมะนาว นอกจากนี้ยังเป็นวัตถุดิบที่อุตสาหกรรมต่าง ๆ เลือกใช้ในผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย รวมทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ยา เครื่องสำอาง ผงซักฟอก ผลิตภัณฑ์อาบน้ำ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและอื่น ๆ อีกมากมาย
- สามารถทำหน้าที่เป็นตัวปรับสมดุลค่า pH เพิ่มความคงตัวและอายุการเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสารออกฤทธิ์ต่าง ๆ และยังทำให้เกิดฟองในผลิตภัณฑ์อาบน้ำหรือสปาที่ต้องการ
- กรดซิตริกเป็นกรดในตระกูล AHA ที่มีประโยชน์ในการดูแลผิวซึ่งช่วยผลัดเซลล์ผิวเพื่อเผยผิวที่สดชื่นและกระชับขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ใช้ในการต่อต้านริ้วรอย
แม้ว่ากรดซิตริก (AHA) จะถือว่าอ่อนโยนกว่ากรดอื่น ๆ แต่ก็ยังคงเป็นกรดซึ่งหมายความว่ามีโอกาสเกิดการระคายเคืองอยู่เสมอโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายหรือสภาพผิวอักเสบ กรดซิตริกยังจะทำให้ผิวของคุณไวต่อแสงแดดมากขึ้นดังนั้นจึงจำเป็นที่คุณจะต้องมีการทาครีมกันแดดอยู่เสมอทั้งในและนอกสถานที่ ถ้าเป็นไปได้ควรทาซ้ำทุก ๆ สองชั่วโมงเวลาออกไปข้างนอกหรือเมื่อมีเหงื่อหรือหลังจากการว่ายน้ำก็อย่าละเลยนะคะ prettyladybaby
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> เก้าเกออนไลน์ ได้เงินจริง