“Beauty Tech”เทคโยโลยีความงามจาก AI และ AR มันจะปฏิวัติอุตสาหกรรมความงามอย่างไร?

การเติบโตของอีคอมเมิร์ซ การเพิ่มขึ้นของโซเชียลมีเดีย และแบรนด์ความงามใหม่ ๆ มากมาย ทำให้อุตสาหกรรมความงามมีการแข่งขันสูง หลายบริษัทกำลังแข่งขันกันเพื่อให้ได้ส่วนแบ่งการตลาดที่ใหญ่กว่า ทำให้เทคโนโลยีความงามอย่าง AI และ AR นำเสนอเครื่องมือทดลองและวิเคราะห์เสมือนจริงสำหรับ เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้แบรนด์ความงามเพิ่มยอดขายออนไลน์ แต่ยังปฏิวัติประสบการณ์แบรนด์อย่างสมบูรณ์ ให้การมีส่วนร่วมของลูกค้าที่น่าสนใจด้วย ประสบการณ์เสมือนจริง

การนําปัญญาประดิษฐ์(AI) และเทคโนโลยีเสมือนจริง(AR) มาใช้ในอุตสาหกรรมของแบรนด์ความงามต่าง ๆ มันถูกกระตุ้นให้มีการพัฒนาและเกิดการใช้งานจริงเมื่อช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสที่ผ่านมา เนื่องจากบริษัทความงามเหล่านี้เจออุปสรรคในการให้บริการและอุปสรรคในการเลือกซื้อของผู้บริโภคเพราะการเข้าถึงหรือการทดลองผลิตภัณฑ์ที่เค้าเตอร์ยังมีความเสี่ยงต่อการสัมผัสกับเชื้อไวรัสดังกล่าว ปัญญาประดิษฐ์เหล่านี้จะมอบความสะดวกสบายและการตัดสินซื้อได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องเดินทางออกจากบ้าน 

ทำให้ความต้องการของการใช้ระบบความงามทางดิจิทัลเพิ่มขึ้นในช่วงการระบาดใหญ่ แต่เมื่อการระบาดมีสถาณการณ์ที่ดีขึ้นดูเหมือนว่าบทบาทของ AI และ AR ในอุตสาหกรรมความงามก็ยังไม่ได้หายไปไหนกลับกลายเป็นว่ามันมอบประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการซื้อของของลูกค้า จึงทำให้แบรนด์ต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมในนวัตกรรมนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ประสบการณ์ความงามดิจิทัลใหม่ ๆ เหล่านี้จะสร้างยอดขายแซงหน้าการขายแบบออฟไลน์หรือไม่ เราจะต้องรอดูกันต่อไป

AR (Augmented Reality) หมายถึง ระบบเสมือนจริง เป็นการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในชีวิตจริงผ่านระบบดิจิทัล เช่น ภาพ เสียง หรือองค์ประกอบทางประสาทสัมผัสอื่น ๆ อย่างที่เราเห็นผ่านตามาอย่างการนำวัตถุ 3D มาจำลองผ่านจอแสดงผล เพื่อให้เราได้เห็นภาพรวมโดยที่ยังไม่ต้องลงมือสร้างของจริง

AI (Artificial Intelligence) หมายถึง ปัญญาประดิษฐ์ มันเป็นโปรแกรมที่ถูกเขียนและพัฒนาให้มีความฉลาดสามารถคาดเดาความต้องการของมนุษย์แต่ละคนได้ สามารถคิด วิเคราะห์ วางแผนจากฐานข้อมูลเพื่อตอบสนองต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งได้อย่างน่าเหลือเชื่อ มันมักจะเสนอตัวเลือกที่คุณกำลังสนใจได้อย่างหลากหลาย

พวกมันช่วยให้ผู้ให้บริการสินค้าและบริการสามารถคาดการณ์มุมมอง 360 องศาของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยําแบบเรียลไทม์ขณะที่พวกเขาโต้ตอบผ่านพอร์ทัลออนไลน์และแอพมือถือเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วว่าการคาดการณ์ของพวกเขาสามารถตอบสนองความต้องการและความต้องการของเราด้วยความแม่นยําที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ 

เทคโนโลยีนี้พิสูจน์ให้เห็นถึงทั้งความนิยมและความสําเร็จในอุตสาหกรรมความงามเพราะสามารถมอบประสบการณ์ที่เจาะจงเฉพาะส่วนบุคคลให้กับผู้ซื้อ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้การเลือกซื้อตรงเป้าหมายมากขึ้นและง่ายขึ้นสําหรับการเลือกสินค้าของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นผ่านระบบ Skincare Diagnostic Selfie เปิดประสบการณ์เซลฟี่เพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหรือเครื่องสำอางในการทดลองจับคู่เฉดสีบนใบหน้าก่อนการตัดสินใจซื้อ เพื่อมอบประสบการณ์เหล่านี้ แบรนด์ต่างๆ มักจะทํางานร่วมกับบริษัทเทคโนโลยีที่เชี่ยวชาญด้านโซลูชัน AI และ AR

เหตุการณ์ที่ยุ่งเหยิงส่งผลกระทบอย่างมากต่อการใช้เทคโนโลยี AI และ AR โดยแบรนด์ความงาม

การระบาดใหญ่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสําหรับแบรนด์ที่นําประสบการณ์ดิจิทัลเหล่านี้มาใช้เร็วขึ้นเพราะการปิดร้านเนื่องจาก COVID-19 หมายความว่าผู้ซื้อไม่สามารถเรียกดูและซื้อสินค้าความงามในร้านค้าจริงได้ ดังนั้นการทดลองผลิตภัณฑ์ เช่น การเลือกเฉดรองพื้นให้เข้ากับสีผิวจึงมีความสําคัญเป็นอันดับแรกและสนับสนุนให้แบรนด์ต่าง ๆ มอบวิธีง่าย ๆ ให้กับผู้บริโภคในการสัมผัสประสบการณ์การช็อปปิ้งออนไลน์ที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคล และมีข้อดีดังนี้

1. สุขอนามัย

สุขอนามัยที่ดีขึ้นเป็นอีกหนึ่งข้อได้เปรียบที่เป็นจุดเด่นของประสบการณ์ AI และ AR เพราะแบรนด์ต่าง ๆ ได้เล็งเห็นว่าการทดสอบการแต่งหน้าในร้านอาจเกิดการปนเปื้อนหรือสิ่งสกปรกอาจเป็นอันตรายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ทดสอบการแต่งหน้ามักจะใช้ใกล้กับบริเวณรอบดวงตาและปาก ข้อดีอีกอย่างของ AR และ AI คือมันสามารถเสนอทางเลือกที่เหมาะสม แต่ลูกค้าก็สามารถลองเฉดใหม่ ๆ ที่แปลกไปจากตัวเลือกได้โดยไม่ต้องสัมผัสจริงและไม่ต้องล้างออกให้เสียเวลา

2. ความยั่งยืน

อีกหนึ่งเหตุผลที่เป็นข้อดีกับทางแบรนด์ต่าง ๆ คือลดการสูญเสียผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์จํานวนมากในการทดลอง การสร้างประสบการณ์การทดลองใช้ออนไลน์ช่วยขจัดปัญหานี้ เนื่องจากเทคโนโลยีนี้มีความซับซ้อนและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปจึงอาจทําให้เกิดการลดจำนวนเคาน์เตอร์บริการและผลิตภัณฑ์เทสเตอร์ลง นี้อาจฟังดูแล้วเป็นประโยชน์กับบริษัทความงามซะมากกว่า แต่อย่างน้อยเราก็จะได้ลดขยะให้กับโลกใบนี้ลง ความยั่งยืนกําลังกลายเป็นจุดสนใจหลักสําหรับแบรนด์ต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว! และเทคโนโลยี AI และ AR กําลังช่วยให้แบรนด์ต่าง ๆ ลดของเสียผ่านการลองใช้งานเสมือนจริง โดยจํากัดการบริโภคมากเกินไปแบรนด์ต่าง ๆ กําลังค้นหาวิธีใหม่ในการเชื่อมต่อกับผู้บริโภคในขณะเดียวกันก็ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงอีกด้วย 

บริษัท Perfect Corp กล่าวเสริมว่า “การบริการของ AI Beauty มีบทบาทสําคัญในการสนับสนุนแบรนด์และการริเริ่มด้านความยั่งยืน แนวทางปฏิบัติในทางสิ้นเปลืองแบบดั้งเดิมสามารถถูกแทนที่ด้วยประสบการณ์การทดลองเสมือนจริงที่ปลอดภัย สะดวก และมีประสิทธิภาพ ซึ่งจํากัด ของเสียและมอบประสบการณ์การช็อปปิ้งของผู้บริโภคอย่างน่าพอใจ”

3. คำแนะนำที่แม่นยำ

อีกหนึ่งเหตุผลที่จะได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยี AI และ AR คือการให้คําแนะนําคุณภาพสูงเทคโนโลยีผิว AI มีประสิทธิภาพเหนือกว่าการสํารวจผิวแบบดั้งเดิม และสามารถปรับปรุงความแม่นยํากับความต้องการของลูกค้า เมื่อลูกค้าซื้อผลิตภัณฑ์ไปจะไม่ต้องทิ้งหรือไม่ได้หยิบมาใช้เพราะพวกเขาได้เลือกสินค้าที่ชอบและเหมาะสมแล้วตั้งแต่แรก นี่คือเหตุผลที่เทคโนโลยีการวิเคราะห์ผิวเสมือน AI สามารถแทนที่แบบสํารวจออนไลน์แบบดั้งเดิมได้อย่างสมบูรณ์ เทคโนโลยีในผลิตภัณฑ์บํารุงผิวสามารถตรวจจับสภาพผิวได้ภายใน 2 วินาทีและใช้การวัดมาตรฐานเพื่อให้ผลลัพธ์สภาพผิวที่เป็นกลาง มันให้ความสะดวกสบายสูงสุดแก่ผู้บริโภคและผลลัพธ์ที่แม่นยําที่สุดให้กับแบรนด์ 

ตัวอย่างปัญหาผิวที่รองรับในระบบ

• จุดต่าง ๆ บนผิว
• ริ้วรอย
• ความชุ่มชื้น
• รอยแดง
• ความมัน
• ผิวสัมผัส
• สิว
• รอยคล้ำถุงใต้ตา
• ความกระจ่างใส
• รูขุมขนที่มองเห็นได้

4. ช่วยให้ผู้บริโภคเข้าใจสภาพผิวของตัวเอง

ช่วยให้แบรนด์สกินแคร์สามารถนําเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับสภาพผิวที่เฉพาะเจาะจงสิ่งนี้เป็นไปได้เนื่องจากเทคโนโลยีการวิเคราะห์ผิวเสมือนจริงของ Perfect Corp ได้รับการพัฒนาภายใต้มาตรฐานสูงสุดที่เป็นไปได้รวมความรู้ระดับมืออาชีพด้านการดูแลผิวที่ผ่านการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญภาคสนามและใช้การถ่ายภาพเกรดทางการแพทย์เพื่อแจ้งอัลกอริทึมการเรียนรู้เชิงลึกของ AI นอกจากจะนำเสนอสินค้าแล้วยังช่วยให้ลูกค้าได้เข้าใจถึงปัญหาหรือสภาพผิวที่เกิดขึ้นจริงอีกด้วย 

Perfect Corp ที่เป็นผู้นํา AI ที่สามารถมอบประสบการณ์ใหม่ ๆ เช่น การลองใช้ผลิตภัณฑ์ความงามเสมือนจริงหรือเสนอการวิเคราะห์ผิวออนไลน์ให้กับลูกค้า

บริษัทชั้นนำอย่าง Perfect Corp ด้วยการดาวน์โหลดมากกว่า 900 ล้านครั้งทั่วโลก เป็นบริษัทที่มีบทบาทใหญ่ในการเปลี่ยนแปลงวิธีที่การซื้อระหว่างผู้บริโภคและแบรนด์ความงามผ่านเทคโนโลยี AI และ AR มีการทํางานร่วมกับแบรนด์ชั้นนำมากมายกว่า 370 แบรนด์รวมถึง Estée Lauder No7 Barry M และ MAC Cosmetics ทําให้ Perfect Corp มีเป้าหมายต่อการพัฒนาและจะใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อปฏิวัติแบรนด์ความงามและวิธีการดําเนินงานที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น Alice Chang ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Perfect Corp อธิบายว่า “เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น AI และประสบการณ์การทดลองใช้งานเสมือนจริงของ AR กําลังช่วยให้แบรนด์ต่าง ๆ สร้างกลยุทธ์ ผ่านระบบ OMNI Channel ที่ราบรื่นซึ่งมอบประสบการณ์ที่แปลกใหม่และน่าตื่นเต้นให้กับผู้บริโภคยุคใหม่

ตัวอย่างแบรนด์ความงามยักษ์ใหญ่ที่เลือกใช้เทคโนโลยี

• L’Oreal

L’Oreal ใช้แอพ Makeup Genius ที่แปลงอุปกรณ์อัจฉริยะเป็นกระจกแบบโต้ตอบได้ ช่วยให้ลูกค้าได้ทดลองผลิตภัณฑ์แต่งหน้าต่าง ๆ แบบเรียลไทม์ จึงไม่จำเป็นต้องมีปฏิสัมพันธ์ทางกายภาพกับผลิตภัณฑ์ทดสอบ

• Benefit

แอพมือถือของ Benefit ให้ผู้ใช้ทดลองผลิตภัณฑ์แบบเสมือนจริง โดยพื้นฐานแล้วมันใช้งานได้เมื่อผู้ใช้อัปโหลดรูปภาพเพิ่มเข้าไปในแอพแล้วให้ AR ทำงานประมวลผลรูปร่างของใบหน้าเพื่อช่วยให้ผู้บริโภคเห็นภาพว่าผลิตภัณฑ์จะมีลักษณะอย่างไรกับเธอ

• Maybelline

เมย์เบลลีนใช้เทคโนโลยีออกแบบเล็บเสมือนจริงในรูปแบบของแอพ ลูกค้าสามารถลองใช้สีต่าง ๆ บนเล็บได้มากเท่าที่ต้องการ ซึ่งช่วยประหยัดเวลามากในการทดลองและยังช่วยให้ผู้ตัดสินใจซื้อได้เร็วขึ้นอีกด้วย

• Clinique 

นอกจากนี้ยังมีการใช้ AR มากกว่าการค้นหาเฉดผิวและเฉดสินค้า เพราะมันสามารถ ประมวนผลสภาพผิวหนังเบื้องต้นได้อีกด้วย โดยมันสามารถวิเคราะห์ภาพระยะใกล้สำหรับผิวของคุณได้ภายในไม่กี่วินาที จากนั้นพวกมันก็แนะนำผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและกิจวัตรประจำวันที่เหมาะสมกับคุณ

• Estée Lauder

ในอุตสาหกรรมความงาม Estée Lauder ได้ใช้เทคโนโลยี AI และ AR ที่ขับเคลื่อนโดย Perfect Corp เพื่อเปิดตัวโซลูชันการแต่งหน้าแบบทดลองเสมือนจริงที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคล แบรนด์ความงามนี้ใช้เทคโนโลยีภาพจาก AR ที่อาศัยฐานข้อมูลจาก AI เพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าในการทดลองใช้เครื่องสำอางที่เคาน์เตอร์หรือบนร้านออนไลน์ ข้อมูลจาก Perfect Corp ได้แสดงให้เห็นว่า Estée Lauder มีการทดลองใช้ระบบนี้จากผู้บริโภคสูงขึ้นถึง 2.5 เท่าโดยผลิตภัณฑ์ที่ใช้มากที่สุดได้แก่ Lip Virtual Try-on และพบว่ามันได้รับความไว้วางใจต่อลูกค้าของแบรนด์เป็นอย่างดี

• e.l.f

ในทํานองเดียวกัน e.l.f Cosmetics มีการกดเข้ารับบริการสูงขึ้นถึง 200% จากผู้บริโภคออนไลน์โดยใช้เทคโนโลยีทดลองเสมือนจริง

• No7

ในเดือนพฤศจิกายน 2021 No7 ได้เปิดตัวประสบการณ์ AI และ AR การจับคู่เฉดสีใหม่ การทํางานร่วมกับ Perfect Corp ระบบนี้ช่วยให้ลูกค้ามีช่วงการทดลองที่น่าตื่นเต้นและการจับคู่เฉดสีของผลิตภัณฑ์ให้เข้ากับแต่ละคน ประสบการณ์นี้เปิดตัวด้วยแบบสอบถามตามอัลกอริทึมที่จะช่วยวินิจฉัยถึงความต้องการของผิวส่วนบุคคลของลูกค้า ความชอบ หรือความกังวลในปัญหาผิวบางอย่างที่อาจส่งผลกระทบต่อผิวเพื่อให้การจับคู่ผลิตภัณฑ์และสภาพผิวเหมาะสมกันมากที่สุดจาก No7 เช่น AI Foundation Shade Finder จะวิเคราะห์โทนสีผิวแบบเรียลไทม์เทียบกับตัวอย่างต้นแบบในฐานข้อมูลกว่าสิบล้านตัวอย่างในโทนสีผิวที่หลากหลายโดยได้จัดกลุ่มสีผิวออกมากกว่า 90,000 สี เพื่อให้ลูกค้าได้รับเฉดสีรองพื้นของ No7 ให้ตรงกับสีผิวมากที่สุด เมื่อลูกค้าจับคู่กับช่วงพื้นฐานและเฉดสีที่ดีที่สุดแล้ว AI จะนำเสนอตัวเลือกเฉดสีที่ผู้บริโภคสามารถใช้ได้มาให้เลือกในทันที

เจ้าใหญ่อย่าง Youtube 

ด้วยเหตุผลข้างต้นจึงทำให้เทคโนโลยีนี้เป็นที่นิยมมากขึ้นในอุตสาหกรรมความงามพูดง่าย ๆ ก็คือผู้บริโภคที่ต้องการประสบการณ์ผ่านดิจิทัลเหล่านี้กําลังกลายเป็นกลุ่มลูกค้าใหญ่ในปัจจุบันความคาดหวังของแบรนด์คือจะต้องตามความต้องการของลูกค้าให้ทัน ในฐานะผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดความงามในหมวดหมู่ต่าง ๆ Youtube เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกที่ใหญ่ที่สุดที่ใช้เทคโนโลยีความงาม AR บนแพลตฟอร์มของตน ด้วยวิดีโอบล็อกเกอร์แต่งหน้าจำนวนมาก จึงเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมสำหรับแบรนด์ความงามในการโปรโมตผลิตภัณฑ์ของตนเอง การทดสอบความงาม AR ของ Youtube ได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับการแสดงผลแบบแบ่งหน้าจอ ในขณะที่ผู้ชมดูวิดีโอแนะนำการใช้งานของผลิตภัณฑ์แล้วยังสามารถเทียบเฉดสีกับผิวไปพร้อมกันได้อีกด้วยมันช่วยเพิ่มยอดขายออนไลน์ด้วยแคมเปญโฆษณาที่ขับเคลื่อนด้วย AR ได้ดีทีเดียว

Gen Z เป็นแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ในเรื่องนี้ เมื่อเทียบกับคนรุ่นมิลเลนเนียลและเบบี้บูมเมอร์ Gen Z ยินดีที่จะใช้ประสบการณ์แบรนด์ดิจิทัลที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคลเพื่อทําความเข้าใจสุขภาพผิวและผลิตภัณฑ์ความงามที่ลองทําจริงก่อนซื้อ Gen Z เพียงอย่างเดียวผลักดันการดําเนินการซื้อประสบการณ์การดูแลผิวส่วนบุคคลเกือบเท่าคนรุ่นอื่น ๆ รวมกัน โดยเฉลี่ย 68.3% ของคน Gen Z ในยุโรปกระตือรือร้นที่จะรับคําแนะนําจากระบบ AI

เราจะเห็นว่าเทคโนโลยีความงามอย่าง AI และ AR นั้นไม่ได้มีประโยชน์แค่เฉพาะแบรนด์ความงามเท่านั้นมันยังมีประโยชน์กับทั้งลูกค้า เกิดการลดจำนวนขยะและใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็นลงได้มากเลยทีเดียว แต่หลาย ๆ คนยังกังวลกับผลลัพธ์จริงที่เมื่อได้รับสินค้าอาจจะไม่ถูกใจแต่เราอยากให้เปิดใจให้กับการซื้อสินค้าในรูปแบบใหม่นี้มันสนุกกว่าที่คิดได้ทดลองอะไรที่ไม่กล้าลองในเค้าเตอร์อีกด้วยโดยไม่ต้องถูกกดดันจากพนักงานด้วยนะ ลองไปเล่นดูในลิ้งค์ด้านล่างนี้เลยสนุกจริง ๆ ค่ะ prettyladybaby.com

เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> สล็อตเว็บแท้