ผมเป็นเครื่องประดับของร่างกายของเราซึ่งทำหน้าที่เป็นเครื่องมืออันทรงพลังด้านภาพลักษณ์อีกหนึ่งอย่างสำหรับสังคมมนุษย์ อย่างไรก็ตามในแง่ของสุขภาพผมมีบทบาทสำคัญที่สามารถบ่งชี้ถึงสุขภาพที่ดีหรือไม่ดีของคุณได้อีกด้วย การดูแลเส้นผมของเราให้ดีเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งแต่ด้วยบางครั้งรูปแบบการใช้ชีวิตและอาหารส่งผลต่อการทำงานของผม สิ่งหนึ่งที่จะทำให้มีผมมีสุขภาพดีได้อย่างยั่งยืนคือส่วนผสมธรรมชาติบำรุงผม เพราะแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมจำนวนมากเต็มไปด้วยสารเคมีเทียมมักทำด้วยสารเคมีที่รุนแรงซึ่งเป็นอันตรายต่อเส้นผมสามารถเพิ่มความเสี่ยงทำให้ผมแห้งและระคายเคืองหนังศีรษะรวมถึงสุขภาพและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย แต่ด้วยกระแสของผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติกำลังได้รับความนิยมขึ้นเรื่อย ๆ โชคดีที่โลกของเรามีส่วนผสมจากธรรมชาติมากมายที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพผมของคุณไม่ว่าคุณจะต้องการให้ผมมีน้ำหนัก เพื่อปกป้องผมที่ทำสี หรือลดรังแคพวกมันจะเป็นตัวช่วยที่คุณจะชื่นชอบ
ทำไมส่วนผสมจากธรรมชาติถึงดีกว่า?
เป็นเวลาหลายทศวรรษแล้วที่ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมมีสูตรผสมสารเคมีที่รุนแรงไว้เพื่อสร้างกลิ่นหอมเพื่อกลบกลิ่นของส่วนผสมที่มีกลิ่นของสารเคมีหลาย ๆ ตัวซ้อนทับกันเป็นชั้นทำให้ผู้ใช้อาจรู้สึกถึงอันตรายหรือไม่เป็นมิตรกับร่างกาย เพราะเมื่อสารเคมีถูกปล่อยเข้าสู่เส้นผมจะกระตุ้นอนุมูลอิสระซึ่งอาจรบกวนการทำงานของเซลล์ตามปกติและทำให้เซลล์เสียหายได้มันเป็นอันตรายต่อสุขภาพผม สุขภาพโดยรวมของร่างกายและตลอดจนความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมอีกด้วย นอกจากอาการเหล่านี้แล้วส่วนผสมเทียมในผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมอาจทำให้เกิดอาการแพ้ในบางคนเช่นผื่นหรืออาการคันเมื่อสัมผัสกับสารเคมีที่รุนแรงเหล่านี้เป็นระยะเวลานาน อาจมีอาการไมเกรนและปวดศีรษะได้
“ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมทั่วไปที่มีสารเคมีที่จะก่อให้เกิดมลพิษต่อโลกทั้งทางอากาศและทางน้ำ เมื่อแชมพูและครีมนวดผมเหล่านี้ถูกชะล้างลงในท่อระบายน้ำ ส่วนผสมที่ไม่สลายไปเหล่านี้จะไหลลงในแม่น้ำ ทะเลสาบ และมหาสมุทร และมันก็จะกระจายไปในอากาศและผืนดินอีกด้วย”
ส่วนผสมจากธรรมชาติที่ดีที่สุดสำหรับผม
1. SEAWEED POWDER : ผงสาหร่าย
ดีท็อกซ์ผม ลดผมมันเยิ้ม
เส้นผมและหนังศีรษะจะได้รับการดีท็อกซ์ด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมากของสาหร่ายทะเล จึงเป็นผลิตภัณฑ์ในฝันเพื่อการล้างพิษของคุณ สาหร่ายดึงสารพิษและขับออกจากร่างกาย และเมื่อร่างกายของคุณได้รับการฟื้นฟูจะทำให้คุณรู้สึกสดชื่นและเบาสบายอย่างเต็มที่
ต้องขอบคุณไขมันและกรดอะมิโนในสาหร่ายที่ช่วยการสร้างสมดุลการผลิตน้ำมันบนหนังศีรษะเพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่เส้นผมเพื่อให้ผมเงางามรวมถึงลดการหลุดร่วงของเส้นผมด้วย นอกจากนี้แล้วในสาหร่ายมีซิลิคอนในระดับสูงในการผลัดเซลล์ผิวเช่นเดียวกับกรดอะมิโนที่กระตุ้นรูขุมขนจึงทำให้เกิดการเจริญเติบโตของเส้นผม เส้นผมที่งอกออกมาก็จะมีสุขภาพที่ดีและสวยเงางามอีกด้วย
2. ROSEMARY ESSENTIAL OIL : น้ำมันหอมระเหยโรสแมรี่
การผ่อนคลาย บำรุงหนังศีรษะ
เป็นน้ำมันหอมระเหยเป็นสารสกัดที่มีความเข้มข้นสูงและกลั่นจากสารประกอบพืชระเหยง่าย น้ำมันหอมระเหยโรสแมรี่เป็นน้ำมันหอมระเหยที่หาซื้อได้ทั่วไปง่ายเปรียบเสมือนยาสามัญประจำบ้าน ประโยชน์ของน้ำมันมีตั้งแต่ประโยชน์ของสารต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบไปจนถึงการเสริมสร้างความจำ และอื่น ๆ
น้ำมันหอมระเหยโรสแมรี่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ผ่อนคลาย และกระตุ้นการไหลเวียน เมื่อนำไปใช้กับรูขุมขนโดยตรง เชื่อกันว่าโรสแมรี่สามารถป้องกันผมร่วงทั้งชายและหญิง เพราะมันช่วยให้เลือดสดไหลเวียนไปยังรากผมโดยตรง มันจะกระตุ้นรูขุมขนให้ผมหรือขนที่งอกออกมายาวและแข็งแรงมากยิ่งขึ้น และมันอาจเป็นประโยชน์ต่อเนื้อเยื่อประสาทอาจทำให้เส้นประสาทในหนังศีรษะกระปรี้กระเปร่าและกลับมาช่วยฟื้นฟูการเจริญเติบโตของเส้นผมได้อย่างเต็มที่
3. AVOCADO OIL : น้ำมันอะโวคาโด
เพิ่มความชุ่มชื้น ดูแลหนังศีรษะ
เมล็ดอะโวคาโดเป็นผลิตน้ำมันที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้ผิวนวลอย่างล้ำลึก ซึ่งมีวิตามิน A, B5 และ E ตลอดจนไบโอตินและกรดไขมันจำเป็นพบว่าในน้ำมันอะโวคาโดมีแร่ธาตุที่จำเป็นสามารถช่วยปิดผนึกเซลล์หนังกำพร้าซึ่งสามารถป้องกันไม่ให้เส้นผมแตกหักได้ดังนั้นการดูแลผมด้วยน้ำมันอะโวคาโดสามารถให้ความชุ่มชื้น ซ่อมแซม และทำให้ผมแข็งแรง
น้ำมันอะโวคาโดเป็นสารให้ความชุ่มชื้นที่สามารถกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและคลายรูขุมขนที่อุดตันซึ่งอาจส่งผลให้ผมร่วงลดลงทำให้ผมนุ่มและเรียบลื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งป้องกันความเสียหายจากการจัดแต่งทรงผมด้วยความร้อนนอกจากนี้แล้วน้ำมันอะโวคาโดยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยปกป้องผมจากมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมและลดความเปราะบาง
4. OLIVE OIL : น้ำมันมะกอก
ลดผมชี้ฟู ลดรังแค
มีคุณสมบัติหลายอย่างเช่นเดียวกับน้ำมันที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในเส้นผมและหนังศีรษะดังนั้นเมื่อนำไปใช้กับผมแห้งเสีย ลดการหดตัวและชี้ฟู น้ำมันมะกอกจะเติมน้ำมันที่ขาดหายไปนำคืนความสมดุลและเปล่งประกายในเส้นผม น้ำมันมะกอกมีวิตามินอีที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระช่วยให้หนังศีรษะแข็งแรง สามารถช่วยส่งเสริมให้ผมเรียบลื่นและลดการชี้ฟูของเส้นผมได้ เพิ่มความยืดหยุ่นช่วยป้องกันการแตกปลายและช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม
มีกรดโอเลอิกซึ่งมีคุณสมบัติทำให้ผิวนุ่มนวลและให้ความชุ่มชื้น ปริมาณของกรดโอเลอิกสูงของน้ำมันมะกอกช่วยให้ผมชุ่มชื้นโดยการเจาะเส้นผมเพื่อคืนความชุ่มชื้น และสควาเลนเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ได้รับความนิยมในผลิตภัณฑ์ดูแลผม เนื่องจากมีคุณสมบัติในการให้ความชุ่มชื้นหนังศีรษะจึงไม่แห้งลอกต้นตอของรังแค
5. CASTOR OIL : น้ำมันละหุ่ง
เสริมการเจริญเติบโตของเส้นผม ลดผมหงอก
น้ำมันละหุ่งสกัดจากเมล็ด Ricinus communis เป็นน้ำมันที่มีสารอาหารหนาแน่นซึ่งสกัดจากเมล็ดละหุ่ง มีการใช้กันในครัวเรือนและทางเภสัชกรรมมากมายและยังใช้กันอย่างแพร่หลายในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางสำหรับคุณสมบัติการรักษาที่มีศักยภาพ น้ำมันละหุ่งอุดมไปด้วยกรดริซิโนเลอิกซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวเป็นสารทำให้ผิวนุ่มนวล และยังมีคุณสมบัติต้านการอักเสบเมื่อทาลงบนหนังศีรษะจะช่วยรักษาสุขภาพของเส้นผมโดยส่งเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผมและลดการหลุดร่วงของเส้นผม
มีความสามารถในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพบนหนังศีรษะซึ่งช่วยให้คนที่มีผมหงอกลดหรือช้าลง น้ำมันละหุ่งมีส่วนประกอบทางโภชนาการที่ประกอบด้วยโปรตีน วิตามิน กรดไขมันและสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่น้ำมันได้รับการกล่าวขานว่าเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการบำรุงหนังศีรษะและรูขุมขนที่เปราะบางในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมให้เส้นผมแข็งแรงและเจริญเติบโตเร็วขึ้น ด้วยเหตุนี้น้ำมันละหุ่งจึงกลายเป็นส่วนประกอบสำคัญในผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมมากขึ้น
6. GLYCERIN : กลีเซอรีน
เติมเนื้อผม ผมยาวขึ้นอย่างสุขภาพดี
กลีเซอรีนจากพืชหรือที่เรียกว่ากลีเซอรอลหรือกลีเซอรีนเป็นของเหลวใสที่มักทำจากถั่วเหลือง มะพร้าวหรือน้ำมันปาล์มไม่มีกลิ่นและมีรสหวานอ่อน ๆ มีความคงตัวเหมือนน้ำเชื่อม กลีเซอรีนในพืชเป็นที่นิยมอย่างมากในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางมันมีความหนืดและสามารถดักจับความชื้นจากอากาศสู่ผิวและผม ทำให้มีประสิทธิภาพในการปรับสภาพอย่างล้ำลึก เชื่อกันว่ากลีเซอรีนช่วยลดการแตกหักช่วยให้ผมแข็งแรงยาวขึ้นในอัตราที่เร็วขึ้น
สำหรับหนังศีรษะที่มีปัญหารังแคกลีเซอรีนสามารถบรรเทาสะเก็ดและอาการคัน และสามารถปล่อยความเย็นและบรรเทาผิวได้ จริง ๆ แล้วมันไม่ได้ทำให้ผมแข็งแรงขึ้นจากศีรษะของคุณ แต่มันจะช่วยปรับสภาพและเสริมสร้างผมที่มีอยู่ของคุณให้แข็งแรงเพื่อให้ผมเงางามและไม่แตกปลาย
7. TEA TREE ESSENTIAL OIL : น้ำมันหอมระเหยทีทรี
ต้านเชื้อรา ลดอาการคัน
น้ำมันหอมระเหยทีทรีเป็นที่รู้จักในด้านคุณสมบัติต้านจุลชีพ ต้านแบคทีเรีย และต้านการอักเสบ โดยทั่วไปแล้วจะเกี่ยวข้องกับการรักษาสภาพผิวที่มีการอักเสบ เช่น สิว อย่างไรก็ตามคุณสมบัติเหล่านี้สามารถช่วยให้หนังศีรษะมีสุขภาพดีได้ด้วยจากหลากหลายปัญหารวมถึงรังแคและความมันส่วนเกินสำหรับหนังศีรษะที่มีความมันมาก
Tea Tree Oil จะเข้าไปช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันของหนังศีรษะ สามารถลดการสะสมไขมันส่วนเกินและปรับสมดุลให้หนังศีรษะผลิตน้ำมันอย่างเหมาะสม คุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราของ Tea Tree Oil สามารถช่วยกำจัดปัญหาจากรังแคต้นตอซึ่งมักเกิดจากยีสต์ที่หนังศีรษะติดเชื้อ ในขณะเดียวกันสารต้านอนุมูลอิสระของ Essential Oil นี้สามารถรักษาอาการผื่นแดงและการระคายเคืองของหนังศีรษะ ในขณะที่ป้องกันผมร่วงจากการอักเสบ
8. COCONUT OIL : น้ำมันมะพร้าว
เพิ่มความชุ่มชื้น ต้านเชื้อแบคทีเรีย
มีหลายคนได้ใช้น้ำมันมะพร้าวเพื่อช่วยปรับปรุงสุขภาพและสภาพของเส้นผม น้ำมันมะพร้าวจะช่วยปรับปรุงสุขภาพผมและหนังศีรษะจากภายในสู่ภายนอก พร้อมเติมความชุ่มชื้นด้วยปริมาณไขมันคุณค่าสูง โดยมีไขมันอิ่มตัวอยู่ที่ 80% ถึง 90% ที่อุดมไปด้วยกรดลอริกอีก 47% ซึ่งมีหน้าที่ในการเจาะใต้ผิวของเส้นผมและผิวหนังป้องกันความเสียหายในชีวิตประจำวันได้
เชื่อกันว่าน้ำมันมะพร้าวยังสามารถต่อสู้กับการสูญเสียโปรตีนในเส้นผมตลอดจนให้ความชุ่มชื้นแก้ปัญหาหนังศีรษะ เช่น รังแค ความแห้ง และอาการคัน เนื่องจากมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราน้ำมันมะพร้าวสามารถรักษาและป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรียบนหนังศีรษะได้สร้างสภาพแวดล้อมที่สมดุลและส่งเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผมที่แข็งแรง อย่างไรก็ตามการใช้น้ำมันมะพร้าวมากเกินไปกับเส้นผมและหนังศีรษะอาจเกิดการสะสมความมันได้ควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสม
9. ARGAN OIL : น้ำมันอาร์แกน
ต้านการอักเสบ ลดความแห้งกร้าน
น้ำมันอาร์แกนหรือที่หลายคนได้ขนานนามว่า “ทองคำเหลว” ทำมาจากเมล็ดสดของต้นอาร์แกนในโมร็อกโก องค์ประกอบทางเคมีหลักของ Argan Oil มีหน้าที่ในการให้ความชุ่มชื้น ผ่อนคลาย และความสามารถในการรักษามันมีสารอาหารที่ประกอบด้วย กรดโอเลอิก กรดลิโนเลอิก กรดปาลมิติก กรดสเตียริก และกรดลิโนเลนิก กรดไขมันจำเป็นเหล่านี้ส่งเสริมสุขภาพของเส้นผมโดยการปล่อยคุณสมบัติต้านการอักเสบ ส่งเสริมการกักเก็บความชื้นในเส้นผม
ทำให้เส้นผมนุ่มขึ้นโดยไม่ทำให้ผมมันเยิ้มเกินไป และปล่อยสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อป้องกันความเสียหายจากอนุมูลอิสระ น้ำมันอาร์แกนยังมีศักยภาพในการบำรุงหนังศีรษะให้แข็งแรงด้วยการกำจัดรังแคและกระตุ้นรูขุมขน ส่งผลให้ผมแข็งแรงขึ้นและมีสุขภาพดีขึ้น น้ำมัน Argan อุดมไปด้วยสารที่สามารถแทรกซึมเส้นผมและลดความแห้งกร้านได้ดีเยี่ยม
10. HONEY : น้ำผึ้ง
ต้านอนุมูลอิสระ เสริมความชุ่มชื้น
น้ำผึ้งอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งสามารถต่อสู้กับความเสียหายต่อเส้นผมจากอนุมูลอิสระและความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน ด้วยเหตุนี้น้ำผึ้งสามารถช่วยป้องกันและรักษาความเสียหายจากแสงแดดและการสัมผัสกับมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้น้ำผึ้งนั้นดีสำหรับการให้ความชุ่มชื้นเนื่องจากมีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ ซึ่งจะช่วยรักษาความชุ่มชื้น และจากคุณสมบัติในการให้ความชุ่มชื้นของน้ำผึ้งรวมกับคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระน่าจะช่วยลดการแตกหักที่อาจส่งผลต่อการหลุดร่วงของเส้นผมได้
11. ALOE VERA : ว่านหางจระเข้
ช่วยผมแข็งแรง ลดรังแค
ได้มีการวิจัยเกี่ยวกับประโยชน์ของว่านหางจระเข้สามารถช่วยให้ผมชุ่มชื้นทำให้ผมเรียบขึ้น สิ่งนี้สามารถเป็นประโยชน์สำหรับผมที่เปราะบาง ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของเส้นผมในเส้นผมที่อาจมีแนวโน้มที่จะแตกหักจากสภาวะแวดล้อมที่เลวร้าย
อาจใช้ว่านหางจระเข้เพื่อลดรังแคได้เนื่องจากการวิจัยพบว่าพืชมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราจึงสามารถลดปริมาณเชื้อราบนหนังศีรษะซึ่งอาจลดความปริมาณของรังแคได้นอกจากนี้ หากคุณต้องรับมือกับหนังศีรษะและเส้นผมที่มันเยิ้ม ว่านหางจระเข้สามารถลดน้ำมันส่วนเกินรอบ ๆ รูขุมขนและทำความสะอาดหนังศีรษะได้
คุณสามารถใช้ส่วนผสมธรรมชาติบำรุงผมนี้ได้โดยตรงด้วยสูตรบำรุงผมแบบ D.I.Y หรืออาจมองหาผลิตภัณฑ์อย่างแชมพูหรือครีมนวดที่มีส่วนผสมเหล่านี้ และเช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ส่วนผสมจากธรรมชาติเหล่านี้มีไว้สำหรับใช้ภายนอกเท่านั้น ไม่ควรรับประทานและควรเก็บให้พ้นมือเด็ก ควรทำการทดสอบโดยการทาผลิตภัณฑ์เล็กน้อยที่แขนชั้นในหรือบริเวณอื่น ๆ ที่บอบบางเพื่อตรวจสอบความไวของผิว หากไม่มีอาการแพ้ภายใน 48 ชั่วโมงแสดงว่าพวกมันปลอดภัยต่อการใช้งาน แต่อย่างไรก็ตามหากเกิดการระคายเคือง อาการแพ้ ผื่น และผลข้างเคียงอื่น ๆ ให้หยุดใช้ผลิตภัณฑ์และไปพบแพทย์ เภสัชกร เพราะพวกเขาสามารถช่วยให้คุณเข้าใจถึงต้นตอของปัญหาและทำให้เส้นผมและหนังศีรษะของคุณดูดีขึ้นได้ prettyladybaby
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> ดัมมี่ออนไลน์