มีข้อมูลมากมายที่เกี่ยวกับกิจวัตรความงามของผู้หญิงทั่วโลก เราได้ค้นหาข้อมูลเรื่องความสวยงามของผิวพรรณจากทุกตารางนิ้วของโลกไม่ว่าจะเป็นจากฝรั่งเศส โมร็อกโก หรือที่กำลังเป็นที่นิยมมากอย่าง K-Beauty จากเกาหลี แต่เมื่อย้อนเวลากลับไปเมื่อหลายปีก่อนประเทศที่น่าจะโดดเด่นเรื่องสกินแคร์และความงามอาจต้องยกให้กับประเทศญี่ปุ่นเพราะต้องยอมรับว่า J-Beauty เป็นกระแสที่มาก่อนแบรนด์สกินแคร์ของญี่ปุ่นได้มีมานานมากและเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของคุณภาพก่อนที่จะมีแบรนด์เกิดใหม่มากมายเหมือนปัจจุบัน แล้วอะไรที่สร้างเสน่ห์และคุณภาพของสินค้าเพื่อความงามจากญี่ปุ่นกันล่ะ?
“ชิเซโด้ หนึ่งในบริษัทด้านความงามที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่อายุ 149 ปี เป็นบริษัทเครื่องสำอางที่ใหญ่เป็นอันดับห้าของโลก ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ใน J-Beauty ได้วางรากฐานสำหรับเทรนด์เครื่องสำอางและสกินแคร์ทั่วโลก”
J-BEAUTY(Japanese Beauty) คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์ความงาม (สกินแคร์ + เครื่องสำอาง) ที่มีต้นกำเนิด แรงบันดาลใจ และหรือส่วนผสมที่มีในญี่ปุ่น โดยความงามแบบ J-BEAUTY (ได้กำหนดเป้าหลายของผิวเป็นคำที่เรียกว่าสกินโมจิ(Mochi Skin), โมจิฮาดะ(Mochi Hada), ผิวเค้กข้าว(Rice Cake Skin) คำที่เรียกมาทั้งหมดนี้จะเกี่ยวกับการมีผิวที่เรียบเนียน อ่อนนุ่ม อ่อนเยาว์ อวบอิ่มผ่านการทำความสะอาด ให้ความชุ่มชื้น การบำรุงและการปกป้องที่เหมาะสม เป็นวิธีการดูแลผิวง่าย ๆ ไม่ซับซ้อนไม่รบกวนผิวมากเกินไปและสามารถช่วยเสริมสร้างผิวของคุณให้ทำงานได้ดี ยิ่งคุณอ่อนโยนและบำรุงกับผิวได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น
“พูดง่าย ๆ ก็คือ J-Beauty มีความงามที่เรียบง่าย มุ่งเน้นไปที่สองสิ่งคือวิธีการที่ง่ายไม่ซับซ้อนและส่วนผสมจากธรรมชาติ”
แต่เราจะต้องมาเริ่มต้นโดยมีหลักการพื้นฐาน 9 ประการที่เป็นรากฐานของศิลปะและวัฒนธรรมญี่ปุ่นพวกเขาได้เรียกว่า “สุนทรียศาสตร์” หลักการเหล่านี้เป็นพื้นฐานสำหรับ ศิลปะญี่ปุ่น, แฟชั่น, วัฒนธรรมป๊อป, ดนตรีและภาพยนตร์ญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมีอยู่ในสังคมบุคลิกภาพและแม้แต่ในอาหารญี่ปุ่น ส่วนในความงามแบบญี่ปุ่นของบุคคลนั้นได้ดึงมาใช้ 4 ประการคือ SABI, WABI, SHIBUI และ YUGEN
Sabi : เป็นการยอมรับถึงความงามที่ไม่สมบูรณ์อาจมีคราบและริ้วรอยตามธรรมชาติ ยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบเพราะทุกคนล้วนมีข้อบกพร่อง
Wabi : เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสวยงามของความเรียบง่ายและความเงียบสงบรวมถึงสิ่งที่สร้างขึ้นโดยธรรมชาติและสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น นอกจากนี้ยังอาจหมายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ(ที่อาจไม่สมบูรณ์มีข้อบกพร่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สามารถสวยงามได้) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์โดยรวมที่ให้ความสง่างาม
SHIBUI : ชิบุอิเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสร้างสมดุลระหว่างความเรียบง่ายและความซับซ้อนเพื่อค้นหาความหมายใหม่ ๆ เป็นความงามที่เรียบง่ายบอบบางหรือสุขุม ละเอียดอ่อน โดยไม่ต้องประดับประดาหรือฟุ่มเฟือยสร้างความรำคาญ แต่ละชิ้นเป็นของแท้และน่าดึงดูดโดยไม่ต้องตกแต่ง
Yugen : ตามคำจำกัดความหมายถึงการรับรู้อย่างลึกซึ้งของจักรวาลที่กระตุ้นความรู้สึกที่ลึกล้ำและลึกลับเกินกว่าจะพูดได้ เมื่อเรารู้ข้อเท็จจริงทั้งหมดของชีวิตจะทำให้ชีวิตจริงมันน่าเบื่อต้องมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่และเต็มไปด้วยความลึกลับเพื่อสร้างเสน่ห์ที่ใหม่เหมือนใคร เมื่อใดก็ตามที่เรามีความรู้สึกถึงอารมณ์ลึกลับจะเกิดความงามที่ลึกซึ้ง ความสง่างาม และความละเอียดอ่อน
จะเห็นได้ว่าสินค้าจากญี่ปุ่นส่วนใหญ่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่นมากและแตกต่างไปจากสินค้าของชาวตะวันตกไม่ใช่แค่ในสกินแคร์หรือสินค้าเพื่อความงามเท่านั้นแต่ยังรวมถึงสินค้าประเภทอื่นที่เราคุ้นตาในดีไซน์แบบ Zen Style โดยวัฒนธรรมญี่ปุ่นได้ใช้หลักการนี้เป็นเวลามาหลายศตวรรษจึงทำให้เรื่องความงาม สุขภาพ และวัฒนธรรมเป็นสิ่งเดียวกันและแยกออกจากกันได้ยาก ความงามของชาวญี่ปุ่นจึงไม่ใช่เรื่องความงามเพียงอย่างเดียวเท่านั้นแต่หมายถึงสุขภาพร่างกาย จิตใจ และความคิดอีกด้วย
ความแตกต่างของ J-beauty vs. K-beauty
J-beauty และ K-beauty ต่างก็มีเป้าหมายเดียวกันในการรักษาสุขภาพผิว โดยให้ความสำคัญกับการให้ความชุ่มชื้นและเกราะป้องกันจากแสงแดด รวมถึงการเน้นการทำความสะอาดอย่างดีเยี่ยม แต่อย่างไรก็ตามทั้งสองประเทศมีแนวทางที่แตกต่างกันอย่างมากในโลกแห่งความงามและวิธีการดูแลผิว
ความงามของญี่ปุ่นมักสะท้อนถึงมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศ เนื่องจากมีการอนุรักษ์และพึ่งพาประวัติศาสตร์ดั้งเดิมมากกว่ามาก แม้ว่าจะมีการวิจัยด้วยนวัตกรรมขั้นสูงแต่ส่วนใหญ่มีจุดประสงค์เพื่อปรับปรุงส่วนผสมดั้งเดิมให้เกิดประโยชน์และผลลัพธ์ในระยะยาว มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในการใช้ส่วนผสมพื้นเมืองและสูตรที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเคารพของญี่ปุ่นที่มีต่อการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีที่สืบทอดมายาวนาน
ในขณะที่ความงามของเกาหลีที่กำลังเป็นกระแสยอดนิยมยังได้รับแรงผลักดันอย่างมากจากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมใหม่ ๆ จึงทำให้มีเป้าหมายของความงามที่มุ่งเน้นไปที่ความก้าวหน้าของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและการค้นพบส่วนผสมหรือสูตรใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน K-beauty เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดสำหรับ 10 ขั้นตอนการดูแลผิวซึ่งมักจะเน้นโดยส่วนผสมแต่ละอย่าง ตั้งแต่การใช้สาหร่ายทะเลให้ความชุ่มชื้นในโทนเนอร์ไปจนถึงโสมแดงเพื่อกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน
ขั้นตอนการดูแลผิวแบบ J-beauty ง่าย ๆ ใน 5 ขั้นตอน
1. Clean : การทำความสะอาด
การทำความสะอาดสองครั้งเป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมจากเกอิชาชาวญี่ปุ่นที่ต้องการทำความสะอาดเพื่อขจัดเมคอัพที่หนาและหนักหน่วง การทำความสะอาดสองครั้งเป็นขั้นตอนที่สำคัญในกิจวัตร J-beauty โดยการเริ่มต้นด้วย cleansing oil
THREE
Balancing Cleansing Oil
฿1,615 : 185ml
ซื้อเลย! https://www.central.co.th
คลีนซิ่งเนื้อน้ำมันซึ่งสามารถละลายเมคอัพความมันและสิ่งสกปรกได้อย่างอ่อนโยนในขณะที่ยังคงรักษาความชุ่มชื้นของผิว คลีนเซอร์ออยล์มีประสิทธิภาพมากกว่าการเช็ดด้วยทิชชู่เปียกสำหรับเช็ดเครื่องสำอางมากและเมื่อคุณได้ละลายเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกให้ลอยบนชั้นผิวแล้วก็ตามด้วยการล้างเศษซากทั้งหมดนี้ออกจากผิวอีกครั้งโดย cleansing gel หรือ foam อีกที
SHISEIDO – Deep Cleansing Foam
฿1,500 : 125ml
ซื้อเลย! https://www.shiseido.co.th
2. Hydrate : ปรับสมดุล
ใน J-Beauty โทนเนอร์ปรับสภาพผิวนั้นมีหลายชื่อตั้งแต่Toner / Lotion / Emulsion / Essence / Skin Conditioner / Softener ชื่อเหล่านี้นอกจากจะแตกต่างกันแล้วเนื้อสัมผัสก็จะแตกต่างกันเล็กน้อยเช่น อิมัลชั่นและโลชั่นครีมจะมีความหนืดมากกว่าโทนเนอร์ โลชั่นและน้ำตบ แต่โดยรวมแล้วผลลัพธ์ที่พวกมันจะมอบให้กับผิวจะใกล้เคียงกันมักมีส่วนผสมเช่นกรดไฮยาลูโรนิก ว่านหางจระเข้ และเซราไมด์ หรือส่วนผสมอื่นที่เน้นการทำให้ผิวนุ่มและเตรียมผิวเพื่อให้มีความชุ่มชื้นมากขึ้น ช่วยคือค่า pH ผิวเพื่อลดการระคายเคือง และเพื่อเตรียมผิวให้พร้อมให้ดูดซึมสกินแคร์ในขั้นตอนต่อไป
SK-II Facial Treatment Essence
฿2,800 : 75ml
ซื้อเลย!https://www.lazada.co.th
คุณสามารถใช้โทนเนอร์ลงบนใบหน้าโดยเพียงแค่ใช้มือตบเบา ๆ หรือใช้สำลีก้อน/แผ่น ให้ทั่วใบหน้าจากนั้นทิ้งไว้สักสองสามนาทีเพื่อให้ซึมเข้าผิวก่อนลงเซรั่ม และหากคุณมีผิวแพ้ง่าย อย่าลืมตรวจสอบรายชื่อส่วนผสมที่อาจระคายเคืองผิวของคุณ โดยปกติแล้วในโทนเนอร์จะมีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบแต่ก็มีความปลอดภัย
3. Care : บำรุง
เริ่มต้นการบำรุงด้วยเซรั่มเพื่อผลักสารบำรุงผิวให้ซึมลึกสู่ชั้นผิวได้มากที่สุด เป็นผลิตภัณฑ์ที่กำหนดการแก้ไขปัญหาเฉพาะของผิว เช่น ริ้วรอย สิว จุดด่างดำ และโทนสีที่ไม่สม่ำเสมอ เซรั่มมีส่วนผสม เซรั่มถึงแม้จะดูว่ามีความเหลวและใสแต่กลับมีส่วนผสมเต็มไปด้วยสารสกัดที่เข้มข้น ใน J-Beauty เซรั่มมีความสำคัญต่อการบำรุงผิวมากเนื่องจากส่วนผสมมีส่วนผสมที่มีคุณค่าสำคัญต่อการฟื้นฟูผิวมากกว่าสกินแคร์ชนิดอื่น
IPSA SERUM0
฿4,230 : 75ml
ซื้อเลย! https://www.central.co.th/th/ipsa-ipsa-serum0-75ml-cds70423211
เมื่อเราได้ทำความสะอาดและบำรุงเพื่อแก้ปัญหาผิวอย่างล้ำลึกแล้วสิ่งที่เป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นคือการเคลือบผิวด้วยครีมหรือมอยส์เจอไรเซอร์ สกินแคร์นี้นอกจากจะช่วยบำรุงผิวเพิ่มเติมแล้วยังมีหน้าที่เป็นเกาะห้องกันความชื้นระเหยออกจากผิว(ทำหน้าที่เป็นฟิล์มบาง ๆ โอบอุ้มผิว)
THREE
Balancing Cream
฿3,230 : 25g
ซื้อเลย! https://www.central.co.th/th/three-balancing-cream-r-net-volume-25-g-cds21951923
เนื่องจากครีมและมอยเจอร์ไรเซอร์นั้นหนักกว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในขั้นตอนก่อนหน้านี้มาก ครีมและมอยเจอร์ไรเซอร์มีประโยชน์อย่างยิ่งในช่วงฤดูหนาวเมื่อสภาพอากาศแห้งและทำให้สูญเสียน้ำมากขึ้นทำให้เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้งมาก ส่วนผิวประเภทอื่น ๆ สามารถใช้ครีมและมอยเจอร์ไรเซอร์เพื่อได้ประโยชน์เช่นเดียวกันแต่อาจต้องการมองหาเนื้อสัมผัสแบบบางเบากว่า
4. Protect : ป้องกัน
คงไม่แปลกใจเมื่อเราเห็นแม่บ้านชาวญี่ปุ่นเวลาออกไปข้างนอกมักจะชอบแต่งตัวมิดชิดไม่ว่าจะเป็นกางเกงขายาว ปลอกแขน หมวก ถุงมือ หรือแม้กระทั่งผ้าคลุมหน้าเพราะพวกเขาให้ความสำคัญมากกับการรักษาร่างกายให้แข็งแรงซึ่งแสงแดดที่รุนแรงจะทำให้มะเร็งผิวหนัง ริ้วรอยแห่งวัย และจุดด่างดำ ซึ่งเป็นปัญหาที่ใคร ๆ ก็ไม่ชอบหรอก การทาครีมกันแดดทุกเช้าจึงเป็นกิจวัตรการดูแลผิวที่สำคัญที่สุด และเมื่อประชากรโดยรวมส่วนใหญ่ของประเทศกลัวผลเสียจากแสงยูวีจึงทำให้แบรนด์สกินแคร์ของญี่ปุ่นมีการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดีออกมาสู่ตลาด
Biore UV Aqua Rich Watery Gel SPF50+ PA++++
฿290 : 90ml
ซื้อเลย! https://www.biorethailand.com
ครีมกันแดดของญี่ปุ่นมักจะมีประสิทธิภาพมากกว่าครีมกันแดดของชาวตะวันตกมากเพราะถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องปลอดภัยต่อร่างกายมาก ดังนั้นส่วนผสมและสูตรจึงเป็น Mineral Sunscreens ซะส่วนใหญ่เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติหรือแร่ธาตุ และเนื่องจากคนญี่ปุ่นชอบใช้ครีมกันแดดมากจึงทำให้มีชนิดของครีมกันแดดที่หลากหลายรูปแบบ ทั้งเหมาะสำหรับทาทับเมคอัพ ปรับโทนผิวให้สว่างขึ้น
5. Pells : ผลัดเซลล์ผิว
ขั้นตอนนี้พิเศษกว่าขั้นตอนอื่นคือไม่จำเป็นจะต้องทำทุกวัน เพียงแค่สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งเท่านั้นซึ่งมีความแตกต่างระหว่างขั้นตอนการดูแลผิวในตอนเช้าและตอนเย็นเล็กน้อย คือ ขั้นตอนการขัดผิวนี้จะเพิ่มในตอนเย็นหลังจากล้างหน้านั่นเองโดยมีสครับผิว 2 แบบคือทางกายภาพและทางเคมี คือ
KANEBO SCRUBBING MUD WASH
฿810 : 130g
ซื้อเลย! https://www.central.co.th/th/kanebo-scrubbing-mud-wash-kit-cds89852514
- ทางกายภาพ (Physical exfoliation) คือ การขัดโดยใช้การเสียดสีระหว่างผิวและเม็ดสครับเพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ในญี่ปุ่นนั้นจะมีเนื้อสครับที่เล็กเป็นพิเศษซึ่งช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วอย่างอ่อนโยนเพื่อเผยผิวที่นุ่มนวลและเรียบเนียนขึ้น
CURE Natural Aqua Gel
฿799 : 250g
ซื้อเลย! https://www.google.com
- ทางเคมี (Chemical Exfoliation) คือ การใช้สารเคมีขัดผิวใช้ BHAs, AHAs และเอ็นไซม์เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและสารตกค้างที่สะสมอยู่ในรูขุมขนชื่อฟังดูน่ากลัวกว่าการขัดผิวแน่นอนแต่จริง ๆ แล้วถ้าคุณเลือกความเข้มข้นที่เหมาะกับสภาพผิวมันจะให้ผลดีกว่าการครับแบบเสียดสี
โดยรวมทั้งหมดของคนญี่ปุ่นที่ทำให้เกิด J-Beauty มักเน้นการแก้ปัญหาผิวให้นุ่มนวลการดูแลผิวส่วนใหญ่จึงเป็นการปลอบประโลมและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว มีการดูแลเชิงป้องกันและให้ประโยชน์ในระยะยาวมากกว่า ไม่ซับซ้อนหรือใช้เกินความจำเป็นซึ่งแตกต่างกับโลกความงามของชาวตะวันตกหรือแม้แต่เกาหลีเองก็ตามที่อาจเป็นผลิตภัณฑ์ที่แก้ไขปัญหาผิวอย่างรวดเร็วและรุนแรงด้วยการระคายเคืองชั้นผิวได้มากกว่า และด้วยการผสมผสานแนวทางความคิดหรือการปฏิบัติด้านความงามที่สืบทอดกันมาของญี่ปุ่นได้รวมเข้ากับวิธีการที่ล้ำหน้าทางเทคโนโลยีนี้จึงทำให้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวของ J-Beauty ยังคงเป็นส่วนสำคัญของตลาดความงามทั่วโลกมาอย่างยาวนาน prettyladybaby
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> UFABET