การเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นเสมอเราคาดไม่ถึงเลยว่าจะได้ประสบการณ์อะไรบ้างในการเดินทางแต่ละครั้ง แต่ที่แน่ ๆ ผิวของคุณนั้นจะได้รับประสบการณ์แบบเต็ม ๆ เลยล่ะ เมื่อคุณกำลังเดินทางกิจวัตรการดูแลผิวประจำอาจไม่ได้อยู่ในลิสต์แรก ๆ ที่จะทำนี้อาจส่งผลเสียมากกว่าที่คุณคิดจากบางกิจกรรมที่คุณอาจจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่น เที่ยวบินเพียงอย่างเดียวสามารถสร้างความเครียดให้ผิวได้มากทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากถึง 1.5 ลิตรสามชั่วโมงบนเที่ยวบินนั้นอันที่จริงปัจจัยในการเดินทางระยะไกลรวมกับสภาพอากาศและการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกันทำให้ผิวขาดน้ำมาก และเหตุผลอื่น ๆ ที่คุณควรระวังด้วยเหตุนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ ข้างล่างนี้มีข้อมูลที่จะทำให้คุณสามารถเที่ยวได้ผิวไม่เสียไม่ว่าคุณจะอยู่บนอากาศ บนท้องถนน หรือล่องเรืออยู่ก็ตาม
1. รักษาวิธีการดูแลผิวต่างๆให้เหมือนกับกิจวัตรประจำวันให้มากที่สุด
จะดีมากหากการเดินทางของคุณจะไม่ได้กระทบกับวิธีการบำรุงผิวโดยทั่วไปของคุณ แต่หากทริปที่คุณไปไม่ได้สะดวกขนาดนั้นคุณสามารถนำสกินแคร์ตัวโปรดบางตัวติดตัวไปด้วยได้ ข้อนี้จะมีประโยชน์กับน้ำหนักและพื้นที่ว่างในกระเป๋าของคุณพอสมควร และสกินแคร์ที่ไม่ควรข้ามคือ ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป ทิชชูเปียกเช็ดเครื่องสำอาง คลีนซิ่ง และมอยส์เจอร์ไรเซอร์
ทั้งหมดนี้มีทั้งการทำความสะอาด การบำรุงผิว และการป้องกันครบจบ อาจทำให้คุณรู้สึกชอบมันช่างสะดวกและไม่ยุ่งยาก มีความปลอดภัยผิวต่อสกินแคร์เก่าค้างที่หมดอายุอีกด้วยเพราะบางทีอาจลืมดูวันหมดอายุและนำมาใช้อาจจะส่งผลเสียกับผิวได้มากเลยล่ะ นี้คือเหตุว่าเมื่อจบทริปกลับถึงบ้านอาจมีความคิดที่อยากเคลียร์โต๊ะเครื่องแป้งครั้งใหญ่เลยล่ะ
2. หากครีมตัวโปรดไม่มีขนาดพกพา
หากผิวของคุณยังคงต้องการสกินแคร์ที่จำเป็นแต่ขนาดของมันกลับพกพาไม่สะดวกมีไม่เหมาะกับการเดินทาง พอลองหาซื้อขนาดพกพาแต่ก็ไม่มีขาย สิ่งที่คุณสามารถทำได้ง่าย ๆ คือ การถ่ายโอนผลิตภัณฑ์ดูแลผิวของคุณไปยังบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็ก ปกติแล้วคุณสามารถหาซื้อบรรจุพรรณขนาดเล็กเหล่านี้ได้ง่ายและมีหลากหลายขนาดให้เลือก หรือจะใช้บรรจุภัณฑ์ขนาดเล็กใกล้ตัวอย่างเช่น กล่องใส่คอนแทคเลนส์กับครีมบำรุงรอบดวงตา หรือเตรียมสำลีก้านในหลอดดูดน้ำพลาสติกก็เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยม
นอกจากสกินแคร์แล้วยังรวมไปถึงแชมพู ครีมนวด หรือครีมอาบน้ำด้วยเช่นกันเพราะเราส่วนใหญ่มักจะซื้อของเหล่านี้ในขนาดใหญ่(ยิ่งใหญ่ยิ่งคุ้ม) แล้วอย่าลืมนะคะปริมาณที่คุณแบ่งเพื่อพกพาควรแบ่งให้เหมาะกับจำนวนวันที่คุณออกทริปด้วยหากแบ่งไปน้อยอาจต้องเสี่ยงกับสกินแคร์ฉุกเฉินตามร้านสะดวกซื้อ หรือหากแบ่งเยอะเกินไปอาจจะกระทบกับคุณสมบัตที่ลดลงของสกินแคร์อีกด้วย
3. อย่าซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่คุณไม่เคยใช้แม้สบู่ของโรงแรมก็ตาม
ไม่ว่าคุณวางแผนคิดที่จะใช้ครีมของโรงแรมหรือซื้อคลีนเซอร์ขนาดพกพาที่คุณพบในร้านสะดวกซื้อ นี่ไม่ใช่เวลาที่จะหยุดการใช้สกินแคร์บางตัวที่กำลังแก้ปัญหาผิวเพราะโดยเฉลี่ยแล้วผิวจะใช้เวลาประมาณ 28 วันในการผลัดเซลล์ซึ่งหมายความว่าคุณต้องรออย่างน้อยหนึ่งเดือนจึงจะเห็นผลและหากขาดการบำรุงที่เว้นช่วงไปการแอคทีฟของผิวอาจจะกลับไปยังจุดเริ่มต้นได้ รวมถึงสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบาง ระคายเคืองง่าย หรือผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นสิว มีความเสี่ยงปัญหาสิวมาจากการเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ชั่วคราว
ผู้เชี่ยวชาญบางคนกล่าวว่าควรหลีกเลี่ยงการใช้สบู่ของโรงแรมเป็นเครื่องทำความสะอาดผิวเพราะผลิตภัณฑ์ของโรงแรมโดยทั่วไปมีคุณภาพต่ำ มันออกแบบมาเพื่อทำความสะอาดให้กับคนส่วนใหญ่โดยคนที่มีปัญหาผิวควรหลีกเลี่ยงมันอาจทำให้ผิวของคุณแห้ง คัน ไม่สบายผิวได้ ไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะลองสกินแคร์ใหม่ ๆ ในขณะที่คุณไม่อยู่บ้าน
4. ให้ความสนใจเป็นพิเศษกับดวงตาและริมฝีปาก
บริเวณผิวที่บอบบางและต้องเผชิญกับสภาวะแวดล้อม อากาศ และมลพิษต่าง ๆ ได้มากที่สุดคือตาและริมฝีปาก สองส่วนนี้เป็นส่วนที่ต้องยื่นออกมาจากเสื้อผ้าตลอดเวลาประกอบกับเป็นบริเวณผิวที่อ่อนนุ่มคุณจึงอย่าได้คิดที่จะละเลยมันเด็ดขาด หากคุณกำลังเดินทางโดยการนั่งเครื่องบินเป็นเวลานานจนเปลี่ยนโซนเวลาผิวบริเวณเหล่านี้มีไขมันน้อยมีความบอบบางมาก เมื่อสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงพวกมันจะทำงานเหมือนเป็นสัญญาณเตือนว่าอากาศเริ่มเปลี่ยนแล้วนะ โดยเฉพาะผิวรอบดวงตาเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่สามารถแสดงสัญญาณของริ้วรอยก่อนวัยได้เร็วที่สุดโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไม่มีการดูแลอย่างเหมาะสม รวมถึงพฤติกรรมบางอย่างที่ทำให้ดวงตาของคุณทำงานหนักตลอดทั้งวันตั้งแต่การกะพริบตาไปจนถึงการแสดงอารมณ์อาจทำให้แก่ก่อนวัยได้
นอกจากนี้สาเหตุทางพันธุกรรม รังสีอัลตราไวโอเลต(UV) ความเครียดจากภายนอก และการเลือกรูปแบบการใช้ชีวิต ยังสามารถทำให้ผิวรอบดวงตามีอายุเร็วขึ้นอีกด้วย อย่าลืมนะคะการเปลี่ยนแปลงของเวลาและอาการเจ็ตแล็กอาจเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดสำหรับการเดินทางซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมคนที่เดินทางควรใช้ผลิตภัณฑ์ใต้ตา
และแว่นกันแดดในขณะเดินทาง
5. คุณไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับสภาพอากาศในห้องโดยสาร
การบินสามารถสร้างความเสียหายให้กับผิวของคุณได้เพราะบนเครื่องบินมีความชื้นต่ำ ภายในห้องโดยสารแห้ง และอากาศหมุนเวียนที่สามารถทำให้ผิวหนังของคุณขาดน้ำจนเพิ่มการผลิตน้ำมันและสามารถทำให้สิวรุนแรงขึ้นได้ในทุกสภาพผิว แต่คุณสามารถป้องกันผลกระทบได้ด้วยวิธีที่ชาญฉลาดสองสามอย่างก่อนและหลังคุณขึ้นเครื่อง เริ่มต้นด้วยการต่อสู้กับอากาศแห้งที่นำมาซึ่งความแห้งกร้านเราขอแนะนำให้ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ก่อนขึ้นเครื่องมันไม่เพียงแต่จะให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวของคุณแต่มันอาจทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันจากการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน
ต่อมาคือการป้องกันแสงแดด ด้วยจากความสูงเหนือเมฆนั้นอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าการยืนอยู่บนพื้นดินมากขึ้นประมาณ 20,000 ฟุตทำให้คุณได้รับแสง UVA มากขึ้นจนหน้าต่างเครื่องบินก็ไม่อาจกัน UV ได้ซึ่งควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงก่อนและตลอดเที่ยวบินของคุณ
6. คุณเครียด
หากคุณรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อยในช่วงเวลาก่อนจะเดินทางไปสนามบิน คุณอาจกำลังเผชิญกับความวิตกกังวลก่อนการเดินทาง เป็นอาการป่วยทั่วไปที่สามารถส่งผลกับผิวพรรณได้ แม้ว่าไม่ได้มีปัจจัยที่ทำให้คุณเครียดก็ตามนั่นอาจจะมาจากคุณจินตนาการไปข้างหน้าเรื่อย ๆ โดยไม่สามารถหยุดความคิดได้ก่อให้เกิดอาการต่าง ๆ เชื่อหรือไม่ว่าบางคนสับสนระหว่าง “ความตื่นเต้นกับความวิตกกังวล” เพราะอาการของความกระสับกระส่ายและอะดรีนาลีนที่เพิ่มขึ้นมันส่งผลกับร่างกายคล้าย ๆ กัน
คุณสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้โดยการออกกำลังกายสิ่งนี้จะเพิ่มการผลิตเซโรโทนินและนอร์เอปิเนฟรินหรือที่เรียกว่าสารเคมี “รู้สึกดี” ในสมองรวมถึงการคลายเครียดเมื่อคุณรู้สึกวิตกกังวลให้หยุดหายใจลึก ๆ และยาว ๆ มุ่งเน้นไปที่การหายใจเข้าและหายใจออกของคุณสังเกตลมหายใจจะช่วยให้ร่างกายสงบเพราะหากคุณไม่สงบนี้เป็นสาเหตุของการเกิดสิว อยากหน้าใสถ่ายรูปสวย ๆ มั้ยล่ะ อย่าเครียด!
7. คุณพักผ่อนไม่เพียงพอ
เมื่อคุณเดินทางถึงที่พักสิ่งแรกที่คิดของคนส่วนใหญ่คือเช็คอินโรงแรมให้เร็วที่สุดและวิ่งไปอาบน้ำและเอ็นหลังผ่อนคลายจากความเมื่อล้าจากการเดินทางแต่นี้คุณอาจรู้สึกเพียงวันแรกที่ถึงหลังจากนั้นอาจเจอปัญหาที่ขัดขวางการนอนหลับที่ดี เช่น เตียงที่ไม่สบายจนปวดตัว เวลาเปลี่ยนร่างกายยังปรับสภาพไม่ทัน หรือสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่มีเสียงดังที่ทำให้คุณตื่นตัว สำหรับนักเดินทางระยะไกลการเสริมด้วย “เมลาโทนิน” ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมวงจรการนอนหลับ-ตื่นสามารถช่วยรักษาได้ดี
การนอนหลับที่ดีนั้นไม่ใช่เพียงแค่หลีกเลี่ยงถุงใต้ตาเท่านั้นการอดนอนจะทำให้เกิดการอักเสบจนเกิดสิว การสูญเสียน้ำจนทำให้ผิวแห้ง เป็นขุย ตึง ระคายเคืองได้ รวมถึงอาการเจ็ทแล็กเป็นอาการที่เกือบทุกคนจะต้องเจอนี้เป็นเหตุผลใหญ่ที่ทำให้คุณอ่อนเพลีย ปวดหัว ผิวพรรณไม่สดใส ทำให้คุณรู้สึกไม่ปกติเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของนาฬิกาภายในร่างกายหรือช่วงนอนปกติของคุณ ควรมุ่งเน้นด้วยการนอนหลับที่มีคุณภาพหากทำได้การนอนบนเครื่องบินอาจช่วยให้ร่างกายของคุณปรับตัวเข้ากับเขตเวลาใหม่ได้เร็วขึ้น ดังนั้นใส่อายมาส์กแล้วหลับบนเครื่องบนวิธีที่ดีเลยล่ะ
8. เดินทางไปยังที่ที่มีอากาศหรือฤดูกาลต่างกัน
ต่อมน้ำมันของเราตอบสนองต่อสภาพอากาศที่ร้อนและเย็นโดยการขับออกมามากเกินไปจนกลายเป็นความมันส่วนเกินดังนั้นการนั่งเครื่องบินข้ามเขตทางภูมิศาสตร์อย่างรวดเร็วผิวของเราจึงไม่มีเวลาในการปรับตัวมากนัก หากคุณกำลังย้ายจากสภาพอากาศเขตร้อนหรืออบอุ่นไปยังเขตหนาวเย็นและแห้งแล้งผิวของคุณก็จะแห้งและอักเสบจากการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรง เนื่องจากความแห้งมากของอากาศทำให้เซลล์ผิวของคุณสูญเสียปริมาณน้ำอันมีค่าไป
ส่วนคนที่กำลังเดินทางจากเขตที่เย็นกว่าไปยังสภาพอากาศที่ร้อนและชื้น คุณจะพบว่าตัวเองมีเหงื่อออกมากขึ้น แม้คนที่อาศัยอยู่ในสภาพอากาศที่หนาวเย็นชอบที่จะสัมผัสกับอากาศอบอุ่นเหมือนวันหยุดพักผ่อนก็ตาม แต่ผิวหนังไม่ได้ตีความการเปลี่ยนแปลงกะทันหันว่าเป็นการพักผ่อน ความชื้นที่มากเกินไปในสภาพอากาศร้อนนี้อาจส่งผลให้มีการผลิตน้ำมันมากเกินไป นำไปสู่การอุดตันรูขุมขน สิวผดผื่น และแม้กระทั่งการคายน้ำ การเตรียมมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่คุณจะไปเยี่ยมนั้นเป็นสิ่งสำคัญ เช่น จากเขตร้อนไปหนาวให้เตรียมมอยส์เจอร์ไรเซอร์เข้มข้น ส่วนจากเขตหนาวไปร้อนให้เตรียมครีมกันแดดวงกว้างค่า SPF สูง
9. การกินของหวาน
แม้ว่ากฎของคุณจะไม่นับแคลอรีในช่วงวันหยุด แต่สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าสุขภาพผิวของคุณขึ้นอยู่กับความสมดุลของระบบย่อยอาหารของคุณซึ่งรวมถึงน้ำตาลด้วย ถึงแม้เรารู้สึกว่าเราจะมีสุขภาพที่ดีเมื่อดื่มน้ำผลไม้สดหรือได้ผ่อนคลายด้วยไวน์แก้วโปรดโดยไม่คำนึงถึงน้ำตาลในปริมาณมาก การปล่อยตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้อาจดูเหมือนไม่มีนัยสำคัญ แต่ปริมาณโดยรวมของน้ำตาลทั้ง 2 ชนิดที่ซ่อนอยู่ในอาหารของเราอาจส่งผลต่อภายในและผิวของเราด้วย
เมื่อเรามีการบริโภคน้ำตาลมากจนมีส่วนเกินในกระแสเลือดอาจทำให้เกิด Glycation เมื่อเกิดกลไกนี้ขึ้นจะทำให้โปรตีนเชื่อมโยงกับน้ำตาลส่งผลให้คอลลาเจนและอีลาสตินอ่อนแอลงและเมื่อโครงสร้างผิวที่สำคัญเหล่านี้บกพร่องลงสัญญาณของความชราก็ปรากฏชัดเจนขึ้นผิวจะแห้งและยืดหยุ่นน้อยลงทำให้เกิดริ้วรอยความหย่อนคล้อย ละผิวหมองคล้ำ บางคนที่เดินทางนาน ๆ อาจจะติดการดื่มน้ำหวานลองหันมาเดิมน้ำเย็นดูจะช่วยให้คุณดับกระหายและส่งเสริมให้คุณมีทั้งสุขภาพและผิวที่ดีด้วย
10. คุณภาพน้ำแตกต่างจากที่คุณคุ้นเคย
ส่วนใหญ่จะมีน้ำอยู่ 2 ประเภท หนึ่งคือ “น้ำกระด้าง” มีแร่ธาตุที่ละลายน้ำสูง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแคลเซียมและแมกนีเซียม สองคือ “น้ำอ่อน” มักจะมีความเข้มข้นของโซเดียมสูงกว่า บางรัฐมีความเข้มข้นของความกระด้างในน้ำสูงกว่าเหตุใดเรื่องนี้จึงสำคัญ? เนื่องจากน้ำกระด้างมีแร่ธาตุที่จำเป็นบางครั้งก็เป็นน้ำดื่มและทำอาหาร อย่างไรก็ตามมันส่งผลกระทบต่อผิวหนังและเส้นผมค่อนข้างมากเพราะมันจะทำปฏิกิริยากับกรดไขมันในสบู่และแชมพูของคุณเพื่อสร้างสารเคมีที่จับตัวเป็นก้อน
ผลก็คือมันจะทิ้งสารเคมีคราบของสบู่ไว้บนผิวของคุณเมื่อเวลาผ่านไปสารตกค้างในผิวหนังนี้สามารถทำลายเกราะป้องกันผิวได้ มันทำให้รูขุมขนของคุณอุดตันซึ่งอาจนำไปสู่สิวและทำให้สภาพผิวรุนแรงขึ้น เช่นกลากและผิวหนังอักเสบ ในปัจจุบันคือทางออกที่ดีนั้นไม่สามารถทำได้สำหรับนักเดินทาง สิ่งที่คุณจะทำได้คือหาผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยนและเป็นแบบออร์แกนิค
อย่าลืมผลิตภัณฑ์ “ฉุกเฉิน” ต่าง ๆ
: ยาหม่อง คาลาไมน์ วาสลีน เจลว่านหางจระเข้ ครีมไฮโดรคอร์ติโซน ยาแก้แพ้แบบทาน
การเดินทางไปยังสถานที่ต้อง ๆ อาจจะมีเหตุการณ์ที่คุณไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ นอกจากปัญหาด้านสุขภาพแล้วปัญหาผิวหนังก็เป็นปัญหาที่พบบ่อยเช่นกันทั้งในผู้ใหญ่และในเด็กเองก็ตาม บางคนมีอาการน้อยหรือบางคนอาจถึงขั้นรุนแรงและเฉียบพลันที่ต้องการการดูแลอย่างเร่งด่วน เช่น ผิวหนังไหม้อย่างรุนแรงหรือผื่นคัน
ผิวไหม้ฉุกเฉิน – ในวันที่ไปทะเลก็ไม่ลืมทาครีมกันแดดซ้ำทุก ๆ สองชั่วโมง สวมหมวกใบใหญ่ นั่งอยู่ใต้ร่มเงาแต่บางทีก็ยังแอบโดนแดดเผาอยู่บ้างรวมทั้งไอลมร้อน ๆ น้ำเกลือจากทะเลอาจเป็นการรบกวนผิวจนทำให้ผิวเบิร์นได้ สำหรับการแก้สถานการณ์ระดับเริ่มต้นด้วยการทำให้เย็นลงโดยเร็วที่สุด! อาจแช่ในน้ำเย็นหรือใช้การประคบเย็น หรือการอาบน้ำโดยใช้นมหนึ่งส่วนต่อน้ำหนึ่งส่วนเพราะโปรตีนนมจะบรรเทาและขจัดความแสบร้อนออกไปได้จากนั้นให้ชโลมปิโตรเลียมเจลลีหรือเจลว่านหางจระเข้เพื่อความชุ่มชื้น
ผื่นคันฉุกเฉิน – ผื่นคันคือผิวหนังที่อักเสบซึ่งอาจเกิดจากสิ่งกระตุ้นต่าง ๆ ที่ผิวหนังสัมผัส เช่น เครื่องสำอาง สบู่ ผงซักฟอก สีย้อม และแมลง วิธีที่จะช่วยให้ผิวหนังรู้สึกดีขึ้น เช่น ใช้ประคบเย็นเพื่อบรรเทาความรู้สึกแสบร้อน ทาครีมไฮโดรคอร์ติโซน 1 เปอร์เซ็นต์ หรือหากมีอาการที่คิดว่าการทาครีมจะเอาไม่อยู่ควรใช้ยาแก้แพ้ชนิดรับประทานเพื่อช่วยรักษาอาการคัน แต่สำหรับคนที่มีปฏิกิริยาแพ้รุนแรงมากขึ้นเช่นหายใจติดขัดควรพบแพทย์ทันที
ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหนก็แล้วแต่อย่าลืมครีมกันแดดนะคะอาจเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการป้องกัน แต่ก็ยังมีทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ เพิ่มเติมอย่างเสื้อผ้าของคุณไม่ได้ทำให้รูปร่างดูดีเพียงเท่านั้นแต่มันยังสามารถดูดซับหรือปิดกั้นรังสี UV ในตอนนี้หลากหลายแบรนด์ได้ผลิตเนื้อผ้าที่ช่วยป้องกันรังสีได้รวมถึงอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ในการสวมใส่เช่น “การสวมหมวก” ถ้าเป็นไปได้และสะดวกกับสถานที่และการเดินทางควรเลือกสวมหมวกที่มีปีกกว้างเพื่อให้บังใบหน้า หู และหลังคอของคุณและหลีกเลี่ยงหมวกฟางที่มีรูให้แสงแดดส่องผ่าน และแว่นกันแดดก็สำคัญเช่นกันเพราะมันสามารถปกป้องผิวที่บอบบางรอบดวงตาของคุณจากแสงแดดและลดความเสี่ยงของต้อกระจกอีกด้วยเรารับรองเลยว่าวิธีที่เราบอกมาข้างต้นนั้นจะทำให้คุณเที่ยวได้ผิวไม่เสียเลยล่ะค่ะ prettyladybaby
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> สล็อตแตกง่าย ได้เงินจริง