ทัลคัมคืออะไร?
แป้งทัลคัมอันตรายอย่างไร?
เกี่ยวอะไรกับแร่ใยหิน?
คดีของ Johnson’s Baby Powder!
โรคที่อาจเกิดจากแป้งทัลคัม!
ปลอดภัยกับการแต่งหน้าหรือไม่?
ปลอดภัยกับเด็กหรือไม่?
มาใช้ให้ถูกวิธีกัน!
แป้งชนิดอื่นที่สามารถใช้ทดแทนได้!
การมีผิวเรียบเนียนนุ่มลื่นไม่เหนอะหนะคงเป็นผิวในฝันของใครหลาย ๆ คนแต่มันจะเป็นไปได้ยังไงเมื่อบ้านเราร้อนตับแลบทั้งปีได้ขนาดนี้ หลังอาบน้ำเช็ดตัวให้แห้งจะมีอะไรดีไปกว่าการลงแป้งฝุ่นโรยตัวเพื่อดูดซับความชื้นและความสบายตัว บางคนชอบสูตรคูลแบบยิ่งเย็นยิ่งสะใจ บางคนชอบกลิ่นหอมอ่อน ๆ ติดผิวไปทั้งวัน ใครจะไปคิดว่าแป้งฝุ่นเมื่อใช้ไปนาน ๆ มันจะเข้าสู่ร่างกายตามช่องทางต่าง ๆ ก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บตามมา แต่อย่างไรก็แล้วแต่เราสามารถใช้มันให้ถูกวิธีและลดความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ ได้ ทั้งตัวคุณเอง คนในครอบครัว และคนสำคัญเช่นลูกน้อยของคุณ เรามาทำความรู้จักและเรียนรู้วิธีการใช้งานที่ถูกต้องด้านล่างกันค่ะ
ทัลคัม (Talcum) คืออะไร?
เป็นแร่ธาตุที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่ได้มาจากการขุดจาก Silicate mineral เป็นแร่ธาตุที่อ่อนนุ่มที่สุดมีส่วนประกอบทางเคมีอย่างประกอบด้วยแมกนีเซียมและซิลิเกตไฮเดรต เหมืองที่ขุดออกมาจะทำการบดขยี้ให้กลายเป็นผงแป้งละเอียดนุ่มสีขาวที่เรียกว่าผง “แป้งทัลคัม” มันเป็นส่วนผสมหลักในเครื่องสําอางจํานวนมาก รวมถึงส่วนผสมในเซรามิกสีและวัสดุมุงหลังคา เมื่อนำมาบดให้ละเอียดเป็นแป้งฝุ่นจะกลายเป็นแป้งฝุ่นโรยตัวที่ช่วยดูดซับความชุ่มชื้น ลดกลิ่นและช่วยลดแรงเสียดทานได้ดี ทําให้มีประโยชน์ในการทําให้ผิวแห้งและช่วยป้องกันผื่นคัน มันถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในผลิตภัณฑ์เครื่องสําอาง เช่น แป้งเด็ก แป้งโรยตัวผู้ใหญ่ แป้งฝุ่นสำหรับใบหน้า และผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคอื่น ๆ อีกหลายร้อยรายการ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 เกรด คือ เกรดที่ใช้ในอุตสาหกรรม และเกรดที่ใช้ในเครื่องอุปโภคต่าง ๆ เช่น เครื่องสำอาง ซึ่งทัลคัมที่จะสามารถใช้ได้กับการนำมาใช้กับร่างกายได้นั้นต้องมีความบริสุทธิ์สูงตามมาตรฐานความปลอดภัยอย่างเคร่งครัดโดยสิ่งที่สำคัญมากคือจะต้องไม่มีการปนเปื้อนของแร่ใยหิน (Asbestos) ซึ่งเป็นสารที่มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขทั่วโลกห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง
แร่ใยหิน (Asbestos) มันคืออะไรทําไมจึงต้องกังวล?
เส้นใยจากแร่ใยหินไม่เป็นอันตรายเว้นแต่จะถูกปล่อยออกสู่อากาศ เมื่อปล่อยออกมาเส้นใยจะแตกตัวเป็นอนุภาคเล็ก ๆ อนุภาคกลายเป็นอากาศและเราสูดดมพวกเขา จากนั้นมันจะรวบรวมในปอดทําให้เกิดแผลเป็นและการอักเสบ องค์กรด้านสุขภาพหลายแห่งของสหรัฐอเมริกาได้จัดประเภทแร่ใยหินเป็นสารก่อมะเร็งซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง
ในช่วงทศวรรษที่ 1960 ได้มีการตั้งข้อสงสัยในความสัมพันธ์ที่เป็นไปได้ระหว่างการใช้แป้งโรยตัวในบริเวณอวัยวะเพศหญิงและการเกิดของมะเร็งรังไข่ อย่างไรก็ตามการศึกษาเหล่านี้ไม่ได้แสดงบทสรุปที่แน่ชัดให้เห็นถึงการเชื่อมโยง องค์การอาหารและยามีการวิจัยอย่างต่อเนื่องในเรื่องนี้ จึงทำให้มีงานวิจัยมุ่งเน้นไปที่การปนเปื้อนของแร่ใยหินมาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1970
“แป้งเด็กของ Johnson & Johnson เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์แป้งฝุ่นที่รู้จักกันดีที่สุด เป็นแป้งที่ผู้คนทั่วโลกได้เลือกใช้มานานกว่า 125 ปี มักใช้กับทารกเพื่อป้องกันผื่นผ้าอ้อม และผู้หญิงหลายล้านคนยังใช้แป้งเด็กเพื่อลดความชื้นในกิจวัตรสุขอนามัยของผู้หญิงทุกวัน”
ในปี 1893 จอห์นสัน & จอห์นสันเปิดตัวจอห์นสันแป้งเด็ก (Johnson’s Baby Powder) หลังจากค้นพบว่ามันสามารถป้องกันผื่นผ้าอ้อมได้ จากนั้นทางบริษัทก็ได้เริ่มขยายตลอดสู่กลุ่มลูกค้าผู้หญิง พวกเขากล่าวว่าแป้งโรยตัวเป็นสิ่งที่ดีสําหรับการควบคุมกลิ่นและความชื้นในบริเวณอวัยวะเพศ แต่การวิจัยบางอย่างได้เชื่อมโยงแป้งกับมะเร็งรังไข่และแป้งที่ปนเปื้อนด้วยใยหินกับ mesothelioma จอห์นสัน & จอห์นสัน และผู้ผลิตอื่น ๆ ต้องเผชิญกับการฟ้องร้องหลายพันคดีจากผู้ที่อ้างว่าผลิตภัณฑ์แป้งของพวกเขาก่อให้เกิดโรคมะเร็ง
ในปี 2019 มีเรียกคืนแป้งเด็ก
จอห์นสันแอนด์จอห์นสันได้เรียกคืนแป้งเด็กกว่า 33,000 ขวดหลังจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาพบว่าตัวอย่างที่ได้ทดสอบ มีการปนเปื้อนของแร่ใยหิน และในเดือนพฤษภาคม ปี 2020 ทางบริษัทได้ประกาศว่าจะหยุดขายแป้งเด็กที่ใช้แป้งโรยตัวในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา การตัดสินใจเกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทต้องมอบเงินหลายพันล้านดอลลาร์ให้กับผู้คนที่ได้รับผลกระทบเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นี้ก่อมะเร็งรังไข่ หรือโรค mesothelioma
และหากแป้งที่ใช้มีสารปนเปื้อนอย่างแร่ใยหินแล้วคุณได้รับผ่านตา จมูก ปาก หรือแม้กระทั่งอวัยวะเพศหญิงก็ตามนั่นจะทำให้คุณเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ ได้แก่
1. โรคมะเร็งปอด (Lung cancer) เส้นใยของแร่ใยหินสามารถสูดดมและนําเข้าสู่ปอดได้ง่ายซึ่งอาจทําให้เกิดโรคปอด มันสามารถนําไปสู่การลดการทํางานของระบบทางเดินหายใจ โดยจะใช้ระยะเวลาในการก่อโรคประมาณ 20 -30 ปี และยังพบว่าการสูบบุหรี่เป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรค
2. โรคเมโสเธลิโอมา (Mesothelioma) เป็นมะเร็งที่เกิดขึ้นบริเวณเยื่อหุ้มปอดและเยื่อบุช่องท้อง ส่วนใหญ่จะพบในผู้ที่มีประวัติการสัมผัสแร่ใยหิน มีระยะเวลาก่อโรคประมาณ 35 – 40 ปี การศึกษาและการฟ้องร้องบางอย่างเชื่อมโยงผงแป้งที่ปนเปื้อนด้วยใยหิน มันสร้างมะเร็งร้ายที่มีผลต่อเยื่อบุปอด หน้าท้อง หรือหัวใจ แร่ใยหินเป็นสาเหตุหลักของ ผู้คนที่สูดดมหรือรับผงแป้งที่ปนเปื้อนนี้เข้าสู่ร่างกายมันสามารถทําให้เกิดการอักเสบและรอยแผลในปอดและสิ่งนี้จะนำไปสู่โรคเมโสเธลิโอมา
3. โรคแอสเบสโตสิสหรือโรคปอดใยหิน (Asbestosis) เป็นโรคปอดเรื้อรังที่มีเนื้อเยื่อคล้ายแผลเป็นเกิดขึ้นในปอด (พังผืดในปอด) พังผืดนี้ช่วยลดความยืดหยุ่นของปอดทําให้การหายใจยากขึ้น อาการที่พบบ่อยที่สุดคือหายใจถี่ จะสามารถสังเกตทางกายภาพทั่วไปคือ “เสียงแตก” โดยเส้นใยจากแร่ใยหินจะทำลายเนื้อเยื่อปอดทำให้เป็นแผล มีระยะเวลาในการก่อโรคประมาณ 15 – 35 ปี หรืออาจเกิดขึ้นในระยะเวลาไม่กี่ปี หากสัมผัสแร่ใยหินในปริมาณมากและเป็นประจำ
ปลอดภัยกับการแต่งหน้าหรือเปล่า?
แม้ว่าแป้งโรยตัวในการแต่งหน้าจะไม่เชื่อมโยงกับโรคมะเร็ง แต่ก็อาจทําให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ การสูดดมแป้งทาหน้าอาจทําให้เกิดปัญหาในการหายใจ ไม่ควรแต่งหน้าที่มีแป้งโรยตัวเป็นส่วนผสมกับผิวที่แตกหรือมีแผลเพราะอาจทําให้เกิดการอักเสบหรือการติดเชื้อได้
มันปลอดภัยสําหรับทารกหรือไม่?
สถาบันกุมารเวชศาสตร์อเมริกันได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับแป้งเด็กมานานหลายทศวรรษ องค์กรแนะนําให้ใช้ผงแป้งฝุ่นอย่างระมัดระวังในทารกเพราะอาจทําให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงต่อปอดและปัญหาการหายใจหากสูดดม
มาเรียนรู้วิธีใช้แป้งอย่างปลอดภัย
- เมื่อสามารถใช้บรรเทาอาการระคายเคืองของผู้ชาย เพราะสำหรับผู้ชายแล้วมันปลอดภัยสำหรับการซับเหงื่อที่อวัยวะเพศแต่อย่าใช้ก่อนมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิง เพราะอาจจะเพิ่มโอกาสให้แฟนของคุณเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งรังไข่ได้มากขึ้น
- ใช้แป้งฝุ่นเท่าที่จำเป็น หลีกเลี่ยงการหายใจเอาผงแป้งเข้าไป หากคุณใช้แป้งโรยตัวกับร่างกายให้ใช้เท่าที่จำเป็นและควรใช้ด้วยความระมัดระวังอย่าทำให้แป้งฟุ้งจนเกิดละอองเพราะคุณควรหลีกเลี่ยงการสูดดม
- หากคุณเป็นผู้หญิงควรหลีกเลี่ยงการใช้แป้งฝุ่นกับชุดชั้นในแป้งทัลคัมมีส่วนเกี่ยวข้องกับมะเร็งรังไข่ในสตรี ความเสี่ยงเกิดมากขึ้นเมื่อผงเข้าสู่ช่องคลอดและไปถึงรังไข่ การวิจัยได้รายงานการค้นพบที่หลากหลาย แต่ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ส่วนใหญ่แนะนำให้ระมัดระวังในการใช้แป้งทัลคัมกับอวัยวะเพศ การได้รับสารเป็นเวลานานอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดสำหรับมะเร็งรังไข่
- งดการโรยแป้งโรยตัวลงบนลูกน้อยของคุณโดยตรง ให้เทแป้งลงบนมือฝ่ามือของคุณก่อน จากนั้นค่อยถูลงบนลูกน้อยของคุณ อ้อ! แล้วงดการทาแป้งที่หน้าด้วยนะ
“ทั้งหมดทั้งมวลนี้สรุปได้ว่าควรหลีกเลี่ยงไม่ให้ฝุ่นละอองแป้งเข้าสู่ร่างกายได้ทั้งตา จมูก ปาก และอวัยวะเพศ”
7 ทางเลือกของแป้งฝุ่นที่ไม่ก่อให้เกิดมะเร็ง
Cornstarch : แป้งข้าวโพด
แป้งข้าวโพดเป็นทางเลือกที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในแป้งเด็ก คุณสามารถหาซื้อแป้งนี้ได้อย่างง่ายดาย เช่น ร้านเบเกอรี่ ร้านขายของชํา หรือร้านค้าออนไลน์
แบรนด์ที่ใช้ส่วนผสมจากแป้งข้าวโพด ได้แก่ :
Burt’s Bee’s Baby Dusting Powder
The Honest Company Organic Baby Powder
Johnson & Johnson’s Baby Pure
Tapioca Starch : แป้งมันสําปะหลัง
คนส่วนใหญ่รู้จักมันสําปะหลังว่าเป็นแป้งที่ทำขนม มันมาจากพืชอย่างมันสําปะหลัง มันสามารถดูดซับความชื้นและน้ำมันได้ดีมาก ช่วยระงับกลิ่นกายดูดซับเหงื่อได้ดียิ่งกว่านั้นมันทำให้ผิวนุ่มน่าสัมผัสเหมาะสำหรับผิวแพ้ง่ายและเหมาะสำหรับผิวหนังที่บอบบางที่สุด
แบรนด์ที่ใช้แป้งมันสําปะหลังเป็นผสม ได้แก่ :
Nature’s Baby Dusting Powder
Peas in a Pod Sweet Cheeks Baby Bum Powder
California Baby Calming Organic Powder
Arrowroot Starch : แป้งเท้ายายม่อม
มันคล้ายกับแป้งมันสําปะหลัง แป้ง Arrowroot มาจากพืชในอเมริกาใต้ มันเป็นทางเลือกที่ดีสําหรับผู้ที่แพ้ง่ายแป้งเท้ายายม่อมเป็นผลิตภัณฑ์แป้งที่สกัดจากรากของต้นเท้ายายม่อม มีคุณสมบัติในการดูดซับความชื้นได้ดี แป้งเท้ายายม่อมมักใช้ในแป้งทาตัวเพื่อทำให้ผิวของคุณเนียนนุ่มและเรียบเนียน และเมื่อทาเฉพาะที่จะช่วยให้รอยด่างดำ ผดผื่น หรือแผลอื่น ๆ หรือบาดแผลแห้ง Arrowroot มีคุณสมบัติในการรักษาที่ยอดเยี่ยม
แบรนด์ที่ใช้แป้งอาร์โรว์รูทเป็นผสม ได้แก่ :
Ora’s Amazing Herbal Baby Powder
Ora’s Amazing Herbal Pure and Simple Body Powder
Bee All Natural Organic Baby Powder
Kaolin Clay : ดินเกาลิน
ดินเหนียวเกาลินหรือดินขาวมักจะอยู่ในเครื่องสําอาง มาส์ก สบู่ สครับ มันมีฤทธิ์ในการดูดซับตามธรรมชาติและอ่อนโยนต่อผิวบอบบาง ดินขาวมักใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเนื่องจากความสามารถในการดูดซับน้ำมันและผิวเรียบเนียน มีประโยชน์ต่อต้านการอักเสบต้านเชื้อแบคทีเรียอาจเป็นประโยชน์ในการรักษาผื่นและการระคายเคือง
แบรนด์ที่ใช้ดินเกาลินเป็นส่วนผสม ได้แก่ :
Era Organics Baby Powder
Ora’s Amazing Herbal Pure and Simple Body Powder
Country Comfort Baby Powder
Rice starch : แป้งข้าว
ที่จริงแล้วมนุษย์ใช้มันในแป้งทาหน้ามานานแล้วซึ่งมันมีความปลอดภัยสูงเพราะมาจากเมล็ดพืชที่ปลอดภัยไร้สารตกค้าง(เมื่อก่อน) ข้อเสียอย่างหนึ่งของแป้งข้าวคืออาจจะยากต่อการเกลี่ยจึงไม่ค่อยเรียบและสม่ำเสมอ แป้งข้าวเจ้าจะทำหน้าที่เป็นสารต้านการอักเสบและสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำหน้าที่ป้องกันริ้วรอยของผิว ลดความเสียหายจากรังสียูวี ส่งเสริมการทำให้ผิวสว่างขึ้น และปรับปรุงผิวขึ้นใหม่
แบรนด์ที่ใช้แป้งข้าวเป็นผสม ได้แก่ :
Organic Eve Rice Baby Powder
Reiscare Rice Baby Powder
Oat flour : แป้งข้าวโอ๊ต
เช่นเดียวกับแป้งข้าว แป้งนี้ทำจากข้าวโอ๊ตบด มันอาจจะหยาบกว่าแป้งอื่น ๆ แต่เป็นหนึ่งทางเลือกหนึ่งที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม เหมาะสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย ข้าวโอ๊ตมีวิตามินอีตามธรรมชาติ ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระที่ป้องกันริ้วรอย และยังมีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้นนอกจากนี้ข้าวโอ๊ตยังช่วยรักษาผื่น กลาก และแม้กระทั่งสิว
แบรนด์ที่ใช้แป้งข้าวโอ๊ตเป็นผสม ได้แก่ :
Noodle and Boo Delicate Baby Powder
เมื่อเราได้รู้ถึงความเสี่ยงของแป้งฝุ่นโรยตัวที่จะสามารถเกิดขึ้นกับสุขภาพของเราแล้วก็คงจะเริ่มใช้แป้งโรยตัวกันอย่างระมัดระวังกันมากขึ้นนะคะ เราไม่ต้องการให้คุณตื่นตระหนกหรือรู้สึกกลัวหรือหวาดระแวง แป้งโรยตัวมันก็มีประโยชน์ในตัวของมันเมื่อใช้อย่างพอเหมาะและใช้อย่างถูกต้อง และทั้งหมดนี้คือแนวทางในการใช้ให้ปลอดภัยลองนำเรื่องนี้ไปเล่าให้คนในครอบครัวฟังดูนะคะเพื่อความปลอดภัยของทุกคนที่คุณรัก
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> ไฮโลไทยได้เงินจริง