รู้หรือไม่ว่าผู้หญิงวัยทำงานนั้นต้องระวังให้มากขึ้นในการเลือกลุคการแต่งหน้าในออฟฟิศ เพราะจะต้องติดทนนาน มีความละเอียดอ่อน และน่าประทับใจ นอกจากนี้พวกเขายังต้องพิจารณาว่าผลิตภัณฑ์นั้นปลอดภัยสำหรับการใช้งานในระยะยาวและจะไม่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือความระคายเคืองผิวหรือไม่ แต่เนื่องจากมีเครื่องสำอางมากมายในตลาดการรู้จักผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่คุ้มค่าจึงเป็นเรื่องที่ควรใส่ใจมากยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นควรเรียนรู้เทคนิคการแต่งหน้าให้เหมาะสมสำหรับสถานที่ทำงานเช่นในลุคแต่งหน้าทางการสำหรับสาวออฟฟิศเพราะว่าการปรับแต่งเล็กน้อยหรือเทคนิคการแต่งหน้าสามารถทำให้การแต่งหน้าของคุณสมบูรณ์แบบได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับวันทำงานที่วุ่นวาย บทความนี้จะให้ข้อมูลโดยละเอียดและกฎสำคัญบางข้อที่ควรระวัง ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือผู้เชี่ยวชาญก็สามารถทำให้การแต่งหน้าในสำนักงานของคุณไร้ที่ติได้!
STEP 1 – ขั้นตอนที่ 1
Priming – ปรับผิวด้วยไพรเมอร์ เพื่อการติดทน
ไพรเมอร์อาจเป็นเครื่องสำอางที่ไม่ได้เป็นชิ้นโปรดของใครหลาย ๆ คนโดยคุณอาจคิดว่ามันคงไม่จำเป็นมากนักกับลุคการแต่งหน้าต่าง ๆ แต่จริง ๆ แล้วหากคุณอยากมีลุคการแต่งหน้าที่เรียบเนียนและติดทนไพรเมอร์จะเป็นตัวเลือกที่คุณไม่ควรพลาด มันมีประโยชน์ในการช่วยเตรียมผิวและสร้างความแตกต่างอย่างมากในการแต่งหน้านอกจากนี้ยังให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวและเพิ่มความทนทานให้กับการแต่งหน้าของคุณ เพราะมีบางครั้งที่ไม่ว่าคุณจะผสมผสานรองพื้นและคอนซีลเลอร์ลงบนผิวเท่าไหร่ก็แล้วแต่กลับพบว่าสีเกินจริงและสภาพผิวดูเป็นริ้วย่นได้ง่ายมากปัญหาเหล่านี้มีทางออกเดียวไพรเมอร์การใช้ไพรเมอร์ที่มีคุณภาพจะช่วยเบลอรูขุมขนปรับผิวให้เรียบเนียนและทำให้การลงเมคอัพบนผิวได้อย่างลื่นไหลสร้างใบหน้าที่เรียบเนียนเพื่อช่วยให้ผลิตภัณฑ์แต่งหน้าติดทนนาน ที่สำคัญสามารถลดการดรอปสีของรองพื้นหรือแป้งไม่ให้เทา หมองคล้ำหรือเปลี่ยนสีระหว่างวัน
STEP 2 – ขั้นตอนที่ 2
Foundation – รองพื้น เพื่อปกปิดจุดด้อย
รองพื้นเป็นส่วนที่สำคัญในการสร้างพื้นผิวที่เรียบเนียนและสีผิวที่สม่ำเสมอแต่รองพื้นในท้องตลาดมีหลายชนิดมากและหลาย ๆ คนได้คิดว่าพวกมันสามารถใช้ได้เหมือนกันอาจมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยโดยมุมมองจากผลลัพธ์ที่ได้ก็คงจะจริงเพราะรองพื้นทุกตัวถูกผลิตขึ้นมาเพื่อการปกปิดและปรับพื้นผิวให้เรียบเนียนแต่ความแตกต่างของพวกมันคือแต่ละชนิดจะส่งผลหลังการใช้งานอย่างไรนั้นเป็นเรื่องสำคัญมากดังนั้นคุณควรเลือกชนิดของรองพื้นให้ถูกกับสภาพผิว โดยเทรนด์รองพื้นของสาว ๆ สมัยนี้คือปกปิดแต่บางเบาเหมือนผิวจริง เมื่อคุณต้องการการปกปิดแต่ไม่ชอบรองพื้นที่ให้ความรู้สึกว่าติดหนึบอยู่บนผิวของคุณควรมองหารองพื้นที่เป็นสูตรบางเบาในลักษณะเนื้อเซรั่ม โทนสีอัพผิว และ CC ครีมมักจะมีความสม่ำเสมอและให้ความรู้สึกเบาผิวมากกว่าเมื่อเทียบกับรองพื้นแบบเดิม ๆ โดยการใช้แปรงเริ่มต้นด้วยการกดรองพื้นลงที่หลังมือจากนั้นก็ใช้แปรงแต่งหน้าแตะรองพื้นขึ้นมาเริ่มจากส่วนกลางของใบหน้าเช่น จมูก หน้าผากและแก้ม แล้วค่อย ๆ เกลี่ยออกไปยังกรอบหน้า นอกจากรองพื้นที่มีการปรับสภาพพื้นผิวและสีที่สม่ำเสมอแล้วรองพื้นที่ช่วยบำรุงผิวก็น่าสนใจมากเช่นกันอาจจะมีส่วนผสมของสกินแคร์ เช่น เปปไทด์และกรดไฮยาลูโรนิกเป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ให้ความรู้สึกเหมือนผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมากกว่ารองพื้น การทารองพื้นสำหรับสาว ๆ ออฟฟิศก็ควรเลือกสูตรที่บางเบาด้วยสีผิวและเนื้อผิวที่ดูเป็นธรรมชาติจะทำให้การทำงานกับเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้าลื่นไหลเพราะหากคุณเลือกรองพื้นผิดใบหน้าของคุณอาจเรียกร้องความสนใจมากกว่างานของพวกเขา
STEP 3 – ขั้นตอนที่ 3
Brighten – เพิ่มความสว่างลดความหมองคล้ำ
ตัวเสริมในการช่วยปกปิดรอยคล้ำและริ้วรอยที่มองเห็นได้รวดเร็วและง่ายดายด้วยคอนซีลเลอร์ ใช่แล้วล่ะเมื่อคุณใช้มันจะให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในทันทีเพราะมันถูกออกแบบมาเพื่อการปกปิดเฉพาะจุด เช่น รอยสิว รอยคล้ำใต้ตา รอยดำ รอยแดง แต่ก็เช่นกันการเลือกเฉดสีและเนื้อสัมผัสของมันก็เป็นสิ่งสำคัญมากซึ่งปัจจุบันมีสูตรเฉพาะให้เลือกมากมาย เช่น ผิวมัน ผิวแห้ง ผิวแพ้ง่ายทั้งเนื้อน้ำลิควิด เนื้อครีม และอื่น ๆ ส่วนเรื่องการเลือกสีนั้นไม่ค่อยน่าเป็นห่วงเพราะเฉดสีที่มีไม่กี่เฉดค่อนข้างครอบคลุมโทนสีผิว สำหรับการใช้คอนซีลเลอร์ควรใช้ในปริมาณเล็กน้อยบนบริเวณที่ผิวใบหน้าของมีปัญหา เช่น ใต้ตา รอบปาก เหนือจุดด่างดำ – แดงใด ๆ ก็ตามโดยควรใช้แปรงหัวเล็ก ๆ ค่อย ๆ แต้มมือใหม่ไม่ควรใช้นิ้วเพราะจะทำให้ไม่เรียบเนียนและดูหนาไม่เป็นธรรมชาติ เราขอเตือนว่าคุณไม่ควรใช้คอนซีลเลอร์ทั่วทั้งใบหน้าเพราะเนื้อของมันหนักและหนากว่ารองพื้นมากโปรดใช้เฉพาะบริเวณที่ต้องการปกปิดจริง ๆ เท่านั้น
STEP 4 – ขั้นตอนที่ 4
Get your eyebrows in shape – แต่งคิ้วให้เข้ารูป
ทำความเข้าใจว่ารูปทรงคิ้วธรรมชาติมีความหมายต่อคุณ ถึงแม้ว่าลักษณะของคิ้วจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลาคุณอาจเคยเห็นผ่านตามาบ้างแล้วทั้งคิ้วทรงโค้ง โก่ง บาง เพราะเป็นแฟชั่นในตอนนั้นแต่วันนี้คิ้วบางนั้นไม่ใช่กระแสหลักอีกต่อไป ตอนนี้หลายคนได้ให้ความสนใจกับทรงคิ้วที่มาจากธรรมชาติของคุณโดยมีการเพิ่มเติมเล็กน้อยให้คิ้วดูหนาและเต็มอิ่มให้เป็นคิ้วเดิมของคุณในเวอร์ชันที่ดีกว่า โดยก่อนอื่นต้องมีจุดเริ่ม(ควรเริ่มจากสันจมูก) – โค้ง(ให้โค้งถึงแค่จุดสูงสุดของคิ้วเท่านั้นอย่าเลย) – หาง(ไม่ควรเลยหางตาออกไปมากโดยการใช้ด้ามแปรงวัดจากปีกจมูกไปยังหางตาแล้วให้ทำจุดสัญลักษณ์เล็ก ๆ ไว้แล้วลากจากส่วนโค้งลงมาถึงจุดนี้) ปิดท้ายด้วยการใช้แปรงทำให้หัวคิ้วฟุ้ง ๆ
STEP 5 – ขั้นตอนที่ 5
Keep it natural – ให้สีดวงตาออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
อยากมีดวงตาที่ดึงดูดโดยเป็นธรรมชาติไม่ต้องจัดจ้านหรือแฟนซีมากสีน้ำตาลคือเฉดสีที่เหมาะที่สุดสำหรับสาวออฟฟิศนอกจากจะดูสุภาพแล้วยังทำให้ได้ลุคที่ดูอบอุ่นและสวยแบบธรรมชาติ โดยเริ่มจากการ 1.สีอ่อนสุด(ทาอายแชโดว์สีนู้ดเนื้อแมทให้ทั่วเปลือกตา) 2.สีกลาง(แล้วใช้สีน้ำตาลอ่อนจากหางตาขึ้นไปที่บริเวณรอยพับตาและเชื่อมไปยังหางตาล่าง) 3.สีเข้ม(ให้เน้นที่มุมด้านนอกของหางตาแล้วค่อย ๆ เกลี่ยสีให้เนียนไปทั่วเปลือกตาบนจบด้วยการเน้นเส้นขนตาล่างของคุณ
STEP 6 – ขั้นตอนที่ 6
Open and confident eyes – เปิดดวงตาให้สดใสและมั่นใจ
การดัดขนตาและมาสคาร่าเป็นตัวช่วยให้ดวงตาที่ดูง่วงซึมหรือกำลังจะหมดพลังกลับมาให้สดใสได้อีกครั้งเพราะสำหรับดวงตานั้นหน้าที่ของมันคือการแสดงออกถึงอารมณ์ดังนั้นการเสริมแต่งให้ดวงตาเปิดกว้างขึ้นจึงสำคัญเพราะการเปิดองศาของขนตาให้งอนและกว้างขึ้นจะช่วยได้มากในการเปิดมุมมองปิดท้ายด้วยการปัดมาสคาร่าทั้งด้านบนและด้านล่างเพื่อความคมชัดสร้างตัวนำสายตาที่ดูมั่นใจและมีเสน่ห์
STEP 7 – ขั้นตอนที่ 7
Subtly accentuate your lips – เนรมิตเรียวปากให้สวยเป๊ะ
มันยากมากเมื่อคุณต้องดิ้นรนเพื่อสไตล์ ความเป็นมืออาชีพ และบุคลิกภาพในเวลาเดียวกัน เมื่อพูดถึงการเลือกชนิดของลิปสติกที่ใช่ผู้หญิงส่วนใหญ่จะสับสนและจบลงด้วยสีที่ดูแปลก ๆ ผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบไปทำงานโดยไม่ทาลิปสติกเพราะอาจทำให้ดูไม่เป็นมืออาชีพในบางครั้ง ผู้หญิงมักกังวลว่าวัฒนธรรมในที่ทำงานอาจไม่ชอบความฉลาดทางการมีสไตล์ของสาว ๆ โดยโทนสีที่ปลอดภัยที่สุดคือโทนสีนู้ดเพราะสามารถเลือกใช้ได้เกือบทุกเฉดสีถึงแม้จะดูเป็นแฟชั่นแต่คงความนุ่มนวลไม่จัดจ้านจนเกินไป
STEP 8 – ขั้นตอนที่ 8
Fresh & Set – เพิ่มความสดชื่นด้วยแก้มที่สดใส
สำหรับสีของพวกแก้มเพื่อเพิ่มความสดใสเป็นเรื่องง่ายเพราะจะมีเฉดอยู่ไม่กี่เฉดให้เลือกโดยส่วนใหญ่แล้วจะมีโทนชมพูและส้ม(cool/warm) สำหรับผิวโทนเย็นโดยส่วนใหญ่จะออกแดงกว่าให้เลือกสีที่มีเม็ดสีแดง ชมพูหรือม่วงจะเหมาะที่สุด สำหรับคนที่มีสีผิวอบอุ่นโทนเหลือง น้ำตาลให้เลือกบลัชที่มีเม็ดสีส้ม น้ำตาล ทองจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุด และอย่าลืมเติมเต็มลุคของคุณด้วยเซ็ตติ้งสเปรย์! สเปรย์นี้ช่วยเพิ่มความทนทานและความเปล่งปลั่งให้กับเมคอัพของคุณ และเหมาะสำหรับการเติมความสดชื่นให้กับเมคอัพในออฟฟิศตลอดทั้งวัน
เคล็ดลับในการแต่งหน้าทางการสำหรับสาวออฟฟิศคือการไม่แต่งหน้ามากเกินไปและอย่าสวมใส่น้อยเกินไป ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์อ่อนโยนต่อผิวของคุณและมีประสิทธิภาพได้ตลอดทั้งวัน หลีกเลี่ยงการซื้อผลิตภัณฑ์ราคาถูกและคุณภาพต่ำเนื่องจากคุณจะต้องใช้เป็นประจำ และนอกจากการเมคอัพสวย ๆ แล้วการดูแลตัวเองระหว่างวันก็สำคัญเช่นกันโดยคุณควรทำให้ตัวเองและผิวของคุณชุ่มชื้นอยู่เสมอเพราะผิวที่ชุ่มชื้นจะหลีกเลี่ยงผิวที่ห่อเหี่ยวและความหมองคล้ำได้ดีการดื่มน้ำจะช่วยให้คุณมีความสมดุลและรักษาสุขภาพผิวของคุณและหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ ๆ มีอุณหภูมิที่สูงเกินไปที่อาจเป็นอันตรายต่อผิวหนัง prettyladybaby
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> เว็บตรงสล็อต