ดื่มไวน์อย่างไรให้ผิวสวยร่างกายจะได้รับประโยชน์อะไรจากไวน์แดง?มีผลอย่างไรต่อสุขภาพ ผิวพรรณ และเส้นผม?

เป็นทราบกันดีว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มากเกินไปนั้นอาจทำให้ร่างกายและผิวเกิดการอักเสบ จนอาจส่งผลเสียต่อผิวได้แต่หากคุณดื่มอย่างพอดีมันกลับจะมอบประโยชน์ให้กับผิวและสุขภาพได้ด้วยนะโดยเฉพาะ “ไวน์แดง” โดยแพทย์ได้แนะนำให้ดื่มไวน์แดงหนึ่งแก้วต่อวันเพื่อจะได้รับประโยชน์ที่พอเหมาะพอดีไม่มากหรือน้อยเกินไปเหมาะกับการบำรุงผิวสวย หลังจากเจอความเครียดหรือแรงกดดันจากงานมาทั้งวันเมื่อเลิกงานมาการผ่อนคลายด้วยไวน์แดงสักหนึ่งแก้วเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมมากนอกจากจะช่วยการผ่อนคลายแล้วยังช่วยให้มื้อค่ำของคุณสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ได้มีหลักฐานการบันทึกเกี่ยวกับไวน์ครั้งแรกเมื่อย้อนกลับไปถึง 2200 ปีในสมัยสุเมเรียนและอียิปต์โบราณก่อนคริสตกาล มันมีประวัติที่ดีเกี่ยวข้องกับประโยชน์ทางยาในการรักษาทั้งสุขภาพ ผิวพรรณและเส้นผม เช่น ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานหัวใจและหลอดเลือด ไวน์แดงเป็นไวน์ชนิดหนึ่งที่ทําจากการบดและหมักองุ่นสีเข้ม โดยมีสายพันธุ์ทั่วไป ได้แก่ Nerello Mascalese, Merlot, Cabernet Sauvignon, Pinot noir และ Blend Red สีของไวน์อาจแตกต่างกันไปจากสีม่วงเข้มหรือสีน้ำตาลแดงขึ้นอยู่กับอายุของไวน์ ไวน์แดงทำไมมันประโยชน์ด้านความงาม? ไวน์แดงทําจากองุ่น และองุ่นอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพหลายชนิด พวกเขาเป็นที่รู้จักกันว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ เช่น Catechins Resveratrol Epicatechin และ Proanthocyanidins การศึกษาเปิดเผยว่า Resveratrol เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในผิวองุ่น มีประโยชน์ทั้งต่อต้านริ้วรอยและต่อสุขภาพหัวใจ มีฟลาโวนอยด์ เช่น แอนโธไซยานินที่ให้ไวน์มันเป็นสีแดงซึ่งเป็นประโยชน์มากมายต่อร่างกายของคุณ Proanthocyanidins เกี่ยวข้องกับการบรรเทาความเสี่ยงโรคหัวใจ ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนจึงช่วยรักษาความยืดหยุ่นของผิวได้ดี มีส่วนทําให้ผิวดูอ่อนเยาว์ไร้ริ้วรอย สารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้ยังช่วยในการต่อสู้กับความเสียหายของเซลล์ผิว นักโภชนาการ Anshul Jaibharat กล่าวว่า ในแง่ของแอลกอฮอล์ -ไวน์แดง- มีแคลอรี่น้อยที่สุดและมีสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณที่ดี […]
“Skin Tightening”เคล็ดลับในการกระชับผิวผิวหย่อนคล้อยปัญหาผิวกวนใจที่แก้ไขยาก

ทุกคนต่างรู้ดีว่าการลดน้ำหนักนั้นมีประโยชน์มากมายต่อหัวใจ ฮอร์โมน ร่างกายและสุขภาพโดยรวม การสร้างรูปร่างที่สมบูรณ์แบบให้เหมือนกับหุ่นในฝันนั้นมันไม่ได้ง่ายและสร้างได้เพียงชั่วข้ามคืนมันต้องใช้ทั้งพลังกายและพลังใจที่มุ่งมั่นจริง ๆ จากความตั้งใจที่แรงกล้าเพื่อการปรับเปลี่ยนรูปร่างและสุขภาพให้ดีขึ้นทำให้มีหลาย ๆ คนที่ประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักอย่างไรก็ตามในบางคนมันได้สร้างผลข้างเคียงที่เป็นปัญหาที่แก้ไขยากนั่นคือ “ผิวหย่อนคล้อย” ซึ่งโดยปกติถ้าคนมีน้ำหนักเยอะและขนาดตัวที่ใหญ่อาจพบปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้มากกว่าคนที่มีน้ำหนักน้อยหรือตัวเล็กกว่าซึ่งทำให้รู้สึกอึดอัดหงุดหงิดและขาดความมั่นใจในตัวเอง อะไรเป็นสาเหตุของผิวหย่อนคล้อย? ผิวหย่อนคล้อยหลังการลดน้ำหนักเป็นผลมาจากปัจจัยหลายประการ การมีน้ำหนักส่วนเกินเป็นเวลานานอาจทำให้คอลลาเจนและเส้นใยอีลาสตินในผิวของคุณเสียหายได้ ผิวหนังถูกยืดออกเป็นเวลานานเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินจะถูกทำลายผิวของคุณอาจขาดโปรตีนที่จำเป็นเพื่อให้กลับสู่รูปร่างเดิม ผิวสูญเสียความกระชับซึ่งจะทำให้เซลล์ผิวหนังย้วย นอกจากการสูญเสียอีลาสตินและคอลลาเจนแล้ว คอลลาเจนที่หลงเหลืออยู่ในผิวหนังก็จะเปลี่ยนไปเช่นกัน หลังจากลดน้ำหนักผิวของเรามีคอลลาเจนน้อยลงและองค์ประกอบที่เหลือของมันจะแตกต่างไปจากคอลลาเจนในคนที่มีผิวที่อ่อนเยาว์และมีสุขภาพดี ซึ่งรวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่ช่วยในการทำลายเส้นใย เช่น อายุ ประวัติการสูบบุหรี่ สุขภาพโดยทั่วไปและพันธุกรรม 6 ขั้นตอนในการกระชับสัดส่วนหลังการลดน้ำหนัก ก่อนอื่นคุณจะต้องระบุก่อนว่าผิวหนังส่วนเกินนั้นเป็นผิวหนังจริง ๆ หรืออาจเป็นชั้นไขมันบาง ๆ ที่แอบติดอยู่ตามร่างกาย (Stubborn fat) ซึ่งเป็นไขมันที่ลดยากมากที่สุด หากคุณสามารถบีบผิวแล้วดึงออกมาได้เกินสองถึงสามมิลลิเมตรแสดงว่าคุณยังมีเซลล์ไขมันบางส่วนที่ต้องขับออกไปก่อนจึงจะทำให้ผิวจะกระชับขึ้น ร่างกายของเราโดนไขมันประเภทที่ดื้อรั้นนี้สำหรับในผู้ชายมักจะเป็นบริเวณต่าง ๆ เช่น หน้าท้องส่วนล่างและหลังส่วนล่าง ในขณะที่ผู้หญิงสามารถพบที่ต้นขา ด้านหลัง หน้าท้อง และสะโพก ซึ่งตามชื่อของมัน ยากมากที่จะสลัดมันออกจากร่างกายของเรา เพื่อเผาผลาญไขมันร่างกายของคุณจะผลิตสารเคมีที่เรียกว่า “คาเทโคลามีน” สิ่งเหล่านี้เดินทางผ่านเลือดของคุณและยึดติดกับตัวรับในเซลล์ไขมัน เร่งการปลดปล่อยพลังงานที่เก็บไว้ภายในเซลล์เพื่อให้สามารถเผาผลาญได้ สิ่งที่คุณคิดว่าเป็นผิวส่วนเกินอาจเป็นเซลล์ไขมันที่สะสมอยู่ภายในผิวหนัง ซึ่งในกรณีนี้คุณจะต้องลดไขมันภายในร่างกายออกเสียก่อน ผิวจึงจะดูเต่งตึงได้ วิธีที่ดีที่สุดในการทำเช่นนี้คือการฝึก HIIT […]
“MICROBIOME”ไมโครไบโอม ผิวมีชีวิตตัวช่วยผิวสวยที่หลายคนมองข้าม

ร่างกายของคุณเต็มไปด้วยแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรานับล้านล้าน พวกเขาเรียกรวมกันว่า“MICROBIOME” ไมโครไบโอม แม้ว่าแบคทีเรียบางชนิดจะมีความเกี่ยวข้องกับโรค แต่บางชนิดก็มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบภูมิคุ้มกัน หัวใจ น้ำหนัก และสุขภาพด้านอื่น ๆ อย่างผิวพรรณของคุณ ลองนึกภาพเช้าวันธรรมดาในเมืองที่พลุกพล่าน ทางเดินที่เต็มไปด้วยผู้คนที่รีบไปทำงานหรือทำธุระบางอย่าง ลองจินตนาการถึงสิ่งนี้ในระดับที่เล็กขนาดจุลภาคนี้แหละคือ “ไมโครไบโอม” ซึ่งประกอบด้วยจุลินทรีย์หลายล้านล้านภายในร่างกายของเรา สปีชีส์ต่าง ๆ นับพันชนิดสิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่รวมถึงแบคทีเรียเท่านั้นแต่ยังรวมถึงเชื้อรา ปรสิต และไวรัสอีกด้วย ในคนที่มีสุขภาพดีพวกมันเหล่านี้จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข (โดยมีจำนวนมากที่สุดที่พบในลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่) โดยทั่วไปแล้วมันมีอยู่ทั่วร่างกายมันถูกระบุว่าเป็นระบบนิเวศน์ที่ช่วยสนับสนุนและส่งเสริมการทำงานของร่างกายมนุษย์ในแต่ละวันให้ราบรื่น มาดูกันว่ามันจะมีความสำคัญต่อร่างกาย สุขภาพและผิวพรรณอย่างไรกันค่ะ MICROBIOME คือ แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา และสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กอื่น ๆ ที่เรียกว่าจุลินทรีย์ หรือเรียกสั้นๆ ว่าจุลชีพ จุลินทรีย์เหล่านี้มีอยู่หลายล้านล้านตัวส่วนใหญ่อยู่ภายในลำไส้และบนผิวหนังของคุณ ที่จริงแล้วมีเซลล์แบคทีเรียในร่างกายของคุณมากกว่าเซลล์ของมนุษย์เสียอีก ร่างกายของคุณมีเซลล์แบคทีเรียประมาณ 40 ล้านล้านเซลล์ ในขณะที่เซลล์ของมนุษย์มีเพียง 30 ล้านล้านเซลล์ จุลชีพเหล่านี้ทั้งหมดอาจมีน้ำหนักได้มากถึง 2–5 ปอนด์ (1-2 กก.) ซึ่งเท่ากับน้ำหนักของสมองของคุณ ร่วมกันทำหน้าที่เป็นอวัยวะเสริมในร่างกายของคุณและมีบทบาทสำคัญในสุขภาพของคุณ นั่นหมายความว่าคุณเป็นแบคทีเรียมากกว่ามนุษย์! มีแบคทีเรียมากถึง 1,000 […]
“Beauty Tech”เทคโยโลยีความงามจาก AI และ AR มันจะปฏิวัติอุตสาหกรรมความงามอย่างไร?

การเติบโตของอีคอมเมิร์ซ การเพิ่มขึ้นของโซเชียลมีเดีย และแบรนด์ความงามใหม่ ๆ มากมาย ทำให้อุตสาหกรรมความงามมีการแข่งขันสูง หลายบริษัทกำลังแข่งขันกันเพื่อให้ได้ส่วนแบ่งการตลาดที่ใหญ่กว่า ทำให้เทคโนโลยีความงามอย่าง AI และ AR นำเสนอเครื่องมือทดลองและวิเคราะห์เสมือนจริงสำหรับ เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้แบรนด์ความงามเพิ่มยอดขายออนไลน์ แต่ยังปฏิวัติประสบการณ์แบรนด์อย่างสมบูรณ์ ให้การมีส่วนร่วมของลูกค้าที่น่าสนใจด้วย ประสบการณ์เสมือนจริง การนําปัญญาประดิษฐ์(AI) และเทคโนโลยีเสมือนจริง(AR) มาใช้ในอุตสาหกรรมของแบรนด์ความงามต่าง ๆ มันถูกกระตุ้นให้มีการพัฒนาและเกิดการใช้งานจริงเมื่อช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสที่ผ่านมา เนื่องจากบริษัทความงามเหล่านี้เจออุปสรรคในการให้บริการและอุปสรรคในการเลือกซื้อของผู้บริโภคเพราะการเข้าถึงหรือการทดลองผลิตภัณฑ์ที่เค้าเตอร์ยังมีความเสี่ยงต่อการสัมผัสกับเชื้อไวรัสดังกล่าว ปัญญาประดิษฐ์เหล่านี้จะมอบความสะดวกสบายและการตัดสินซื้อได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องเดินทางออกจากบ้าน ทำให้ความต้องการของการใช้ระบบความงามทางดิจิทัลเพิ่มขึ้นในช่วงการระบาดใหญ่ แต่เมื่อการระบาดมีสถาณการณ์ที่ดีขึ้นดูเหมือนว่าบทบาทของ AI และ AR ในอุตสาหกรรมความงามก็ยังไม่ได้หายไปไหนกลับกลายเป็นว่ามันมอบประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการซื้อของของลูกค้า จึงทำให้แบรนด์ต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมในนวัตกรรมนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ประสบการณ์ความงามดิจิทัลใหม่ ๆ เหล่านี้จะสร้างยอดขายแซงหน้าการขายแบบออฟไลน์หรือไม่ เราจะต้องรอดูกันต่อไป AR (Augmented Reality) หมายถึง ระบบเสมือนจริง เป็นการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในชีวิตจริงผ่านระบบดิจิทัล เช่น ภาพ เสียง หรือองค์ประกอบทางประสาทสัมผัสอื่น ๆ อย่างที่เราเห็นผ่านตามาอย่างการนำวัตถุ 3D มาจำลองผ่านจอแสดงผล เพื่อให้เราได้เห็นภาพรวมโดยที่ยังไม่ต้องลงมือสร้างของจริง AI […]
“8 พฤติกรรมทำร้ายผิว”นิสัยแย่ ๆ ที่ทำให้ผิวแก่ก่อนวัย!มาปรับนิสัยเล็กๆ น้อยๆ เพื่อยืดอายุผิวกันด้วยวิธีง่าย ๆ

แม้ว่าผิวทุกวัยมีความสวยงามแตกต่างแต่กาลเวลาก็อาจทำให้ผิวที่เคยเปล่งประกายกลับหม่นหมองและหย่อนยานลงได้แต่นอกจากเวลาแล้วสิ่งที่กระตุ้นการทำร้ายผิวเพิ่มมากขึ้นคือพฤติกรรมในการใช้ชีวิตบางอย่างที่ไม่ควรทำ มันอาจจะส่งผลให้กระตุ้นการเกิดริ้วรอยหรือการขจัดน้ำออกจากผิวโดยไม่คาดคิดซึ่งนำไปสู่สัญญาณของริ้วรอยและผิวแก่ก่อนวัย หากคุณเคยสงสัยว่ากิจวัตรของคุณกำลังเร่งเวลาให้ผิวของคุณเสื่อมสภาพเร็วขึ้นอยู่หรือไม่ เราได้มีคำแนะนำจากแพทย์ผิวหนังชั้นนำเพื่อค้นหานิสัยประจำวันที่คุณอาจต้องการเลิกทำหรือพิจารณาใหม่ เพื่อช่วยยืดอายุช่วยให้ผิวของคุณเต่งตึง สดใส และเรียบเนียนโดยการลดพฤติกรรมเหล่านี้โดยพวกเขาได้แบ่งปันวิธีแก้ปัญหาเพื่อต่อสู้กับการรุกรานของริ้วรอยเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งวัน คุณสามารถปรับพฤติกรรมตั้งแต่วิธีที่คุณถือโทรศัพท์จนถึงการทานคุกกี้ตอนเที่ยงนี่คือสิ่งที่อาจสร้างความเสียหายให้กับผิวของคุณ มาดูพฤติกรรมทำร้ายผิวและสิ่งที่ควรจัดการกัน 1. การขยี้ตาบ่อย ๆ อาจทำให้เกิดรอยคล้ำและริ้วรอยได้ ถุงใต้ตาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการชราภาพตามธรรมชาติมันจะเกิดขึ้นกับทุกคน มันจะเกิดขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อรอบดวงตาอ่อนแอลง แต่ถึงแม้ว่าการขยี้ตาไม่ใช่ปัญหาที่ทำให้เกิดผลข้างเคียงอย่างถาวรแต่การขยี้ตาอย่างต่อเนื่องสามารถสร้างปัญหาได้โดยการเพิ่มการอักเสบในบริเวณนั้น เพราะว่าการขยี้ตาอย่างต่อเนื่องอาจส่งผลต่อเส้นรอบดวงตาของคุณรวมถึงการดึงและถูบนผิวบอบบางรอบดวงตาอาจทำให้เกิดความหมองคล้ำได้ โดยมักจะเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นสำหรับผู้ป่วยโรคเรื้อนกวางซึ่งอาจขยี้ตามากเกินไปเนื่องจากอาการคันและระคายเคืองจนอาจทำให้ดูเหมือนใต้ตาดำคล้ำมากกว่าปกติ Paul Jarrod Frank, MD, แพทย์ผิวหนังที่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการในนิวยอร์กซิตี้และผู้เขียน The Pro-Aging Playbook กล่าว วิธีแก้ปัญหาผิวหนัง ให้หาสาเหตุว่าทำไมคุณถึงขยี้ตาตามที่ศูนย์การแพทย์ Wexner ของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐโอไฮโอในโคลัมบัสได้พบสาเหตุที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยที่สุดคือ “การแพ้” ดังนั้นควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรักษาอาการต่าง ๆ 2. การนอนไม่เพียงพอรบกวนการต่ออายุของผิว การนอนหลับที่ดีเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการสร้างพลังงาน สมาธิ และผิวพรรณ Jeannette Graf, MD, ผู้ช่วยศาสตราจารย์คลินิกโรคผิวหนังแห่ง Mount Sinai School of Medicine ในนิวยอร์กซิตี้กล่าวว่า “ในตอนกลางคืนผิวหนังจะเข้าสู่สภาวะการฟื้นตัวนั่นรวมถึงการฟื้นฟูและต่ออายุให้กับผิวอีกด้วย” เมื่อเวลาผ่านไปการอดนอนอาจส่งผลที่ชัดเจนบนใบหน้าของคุณ […]
“SKIN IN MENOPAUSE”ปัญหาผิววัยทองรู้ไว้ก่อนเพื่อลดปัญหาผิวที่จะตามมากับวัยได้นะคะ

เราได้ยินมามากเกี่ยวกับปัญหาทางด้านอารมณ์และสุขภาพร่างกายของช่วงใกล้หมดประจำเดือนทั้งอาการร้อนวูบวาบ สมองไม่สดใส อารมณ์ทางเพศหมดไป ทั้งหมดนี้เกิดจากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในเพศหญิงที่ลดน้อยลง แล้วกับผิวล่ะ? จากการศึกษาพบว่าเอสโตรเจนมีบทบาทในการผลิตคอลลาเจน ความยืดหยุ่นของผิว ความหนาและระดับความชื้นของผิว ตลอดจนหลอดเลือดที่แข็งแรง(ที่ทำให้แก้มของคุณชมพูสีดอกกุหลาบแบบสุขภาพดี) เมื่อร่างกายคุณผลิตเอสโตรเจนน้อยลงคุณสามารถเห็นผลลัพธ์ของมันชัดเจน เช่น เส้นและริ้วรอย ความแห้งกร้าน ผิวอ่อนไหว ความหมองคล้ำ และความหย่อนคล้อย ทุก ๆ ปีเรามักจะได้ร้องเพลงแฮปปีเบิร์ดเดย์หรือจัดงานสังสรรค์กับเพื่อน ๆ ครอบครัว หรือแม้แต่ฉลองเองคนเดียวก็ตามสิ่งที่เราได้มาพร้อมกับของขวัญนั่นคืออายุที่เพิ่มขึ้นหนึ่งปี(แม้จะไม่อยากได้ก็ตาม) ทุกวินาที ทุกชั่วโมง ทุกวัน จนเป็นเดือนและเป็นหลาย ๆ ปีร่างกายของเราไม่เคยหยุดทำงานระบบต่าง ๆ ทำงานไปข้างหน้าเสมอจนเราหลาย ๆ คนลืมไปว่าจะมีสักวันหนึ่งที่จะถึงเวลาของร่างกายอาจทำงานได้น้อยลงฟังก์ชันต่าง ๆ ในร่างกายก็ติด ๆ ดับ ๆ ทำงานได้ไม่ดีเท่าเดิมในผิวของเราก็เช่นกัน “ผิววัยทอง” วัยหมดประจำเดือนคืออะไร? หมายถึงสตรีสูงวัยที่มีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงเนื่องจากรังไข่หยุดทำงานซึ่งส่งผลให้หมดประจำเดือนอย่างถาวร อาการทางสุขภาพจิต อาการทางจิตที่พบบ่อยของวัยหมดประจำเดือนและวัยหมดประจำเดือน ได้แก่ : อาการทางกาย อาการทางกายภาพทั่วไปของวัยหมดประจำเดือนและวัยหมดประจำเดือน ได้แก่ : การเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงเวลาแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ หากคุณอยู่ในวัย 40 […]
History Of Perfume Timelineไทม์ไลน์ความเป็นมาของน้ำหอมจากต้นกำเนิดน้ำหอมมันเดินทางมายังยุคปัจจุบันได้อย่างไร?

ก่อนที่มันจะมาเป็นสินค้าหลักหนึ่งชนิดในอุตสาหกรรมแฟชั่นน้ำหอมนั้นในหลายวัฒนธรรมได้ถูกใช้ในเฉพาะกลุ่มคนระดับสูงทั้งราชวงศ์หรือชนชั้นปกครองเท่านั้นเพื่อแยกแยะตัวเองออกจากชนชั้นอื่นในสังคม(คล้ายกับสัญลักษณ์ของแบรนด์หรูในสมัยปัจจุบัน) นอกจากนี้แล้วเมื่อย้อนกลับไปไกลกว่านั้นโลกยุคโบราณอาจให้ความสำคัญกับกลิ่นว่ามีประโยชน์ในด้านพลังอำนาจเหนือกว่าในแง่ของกลิ่นหอม การประกาศอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์นอกจากต้องสะอาดแล้วกลิ่นหอมก็สำคัญเช่นกัน ลองนึกถึงสมัยที่ผู้คนมีเหงื่อออก กลิ่นสัตว์เลี้ยงมีอยู่ทุกที่ เศษซากขยะเปียกตามท้องถนนทำให้จำเป็นต้องแยกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และสถานที่หรูหราสำหรับชนชั้นสูงออกด้วยกันเป็นการบ่งบอกถึงความมั่งคั่งมีเพียงชนชั้นสูงเท่านั้นที่เข้าถึงผลิตภัณฑ์เครื่องหอมเนื่องจากมีราคาแพงและหาซื้อได้ยากแต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปอะไรหลาย ๆ อย่างเกี่ยวกับน้ำหอมก็เปลี่ยนไปวันนี้เราจะมาดูไทม์ไลน์ต้นกำเนิดน้ำหอมตั้งแต่ยุคโบราณสู่ปัจจุบันกันค่ะ ต้นกำเนิดของคำว่าน้ำหอม น้ำหอมมาจากคำภาษาละตินว่า “per fumus” ซึ่งแปลว่าควันที่มาจากการจุดบางสิ่งเพื่อให้ได้ควันหอมต่อมาชาวฝรั่งเศสได้ปรับปรุงคำว่า “parfum” ให้ทันสมัย ซึ่งหมายถึงกลิ่นที่เกิดจากการเผาไหม้ธูปเรซิน นักเคมีหญิงที่ถูกลืม บันทึกครั้งแรกในโลกของนักปรุงน้ำหอมได้พบนักเคมีชื่อ Tapputi ผู้หญิงจากบาบิโลนโบราณในเมโสโปเตเมีย นักวิทยาศาสตร์หญิงที่มักถูกลืมและไม่ค่อยปรากฏในประวัติศาสตร์ ตลอดมาโดยถูกพบว่ามีรูปแกะสลักหินผู้หญิงคนแรก ๆ ของโลกที่เรารู้จักชื่อ Tapputi Belatekallim นักโบราณคดีได้พบบันทึกการทำงานของเธอในตำราดินเหนียวซึ่งมีอายุย้อนไปถึง 1200 ปีก่อนคริสต์ศักราช ในบาบิโลนโบราณน้ำหอมไม่ได้เป็นเพียงกลิ่นเครื่องสำอางเพื่อความงามเท่านั้น แต่ยังเป็นสารแต่งกลิ่นที่จำเป็นสำหรับการรักษาโรคและพิธีกรรมทางศาสนาอีกด้วย อย่างที่นักปรุงน้ำหอมสมัยใหม่นี้ได้แนะนำหรือเปิดคอร์สการผสมน้ำหอม นี้ไม่ใช่แค่การผสมกลิ่นเพื่อดูว่ากลิ่นไหนหอมที่สุด ต้องใช้ความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับเคมีและความเข้าใจในกระบวนการทางเทคนิค เช่น การสกัดและการระเหิด Tapputi เธอได้ใช้ทักษะเหล่านี้ได้ดีเมื่อพันปีที่แล้วเรารู้ภูมิหลังหรือชีวิตส่วนตัวของ Tapputi เพียงเล็กน้อยเท่านั้นแต่ประวัติศาสตร์ได้ทิ้งเราไว้กับหนึ่งในสูตรของเธอนั่นคือ ยาหม่องที่มีกลิ่นหอมสำหรับกษัตริย์แห่งบาบิโลน และไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้หญิงจะเกี่ยวข้องและใกล้ชิดกับการสร้างกลิ่นหอม เพราะดูจากรายการอุปกรณ์ที่ใช้ดูเหมือนจะเลือกใช้อุปกรณ์ที่หาได้จากห้องครัวของชาวบาบิโลนหรือการดัดแปลงจากเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน สิ่งนี้ดูเหมือนจะเห็นว่าผู้หญิงเป็นผู้เริ่มต้นทั้งนักประดิษฐ์และการผสมด้านเคมี ยุครุ่งเรืองของกลิ่นหอมในอียิปต์โบราณ การค้นพบน้ำหอมที่เก่าแก่ที่สุดที่บันทึกไว้นั้นมาจากเมื่อหลายพันปีก่อนชาวอียิปต์ตอนต้น (3,000 ปีก่อนคริสตกาล ถึง 1,000 ปีก่อนคริสตกาล ) ดูเหมือนว่าชาวอียิปต์โบราณจะไม่ได้ใช้การกลั่นเพื่อให้ได้สารหอมแล้วพวกเขาทำน้ำหอมได้อย่างไร? อาจจะได้มาจากการทำ Enfleurage […]
“All About Skin ACIDs”กรดบำรุงผิวเลือกกรดให้เหมาะกับปัญหาหรือสภาพผิวอย่างไร?

พวกเราหลาย ๆ คนแค่ได้ยินคำว่า “กรด” ก็อาจจะรู้สึกว่าคำนี้ไม่ค่อยปลอดภัยสำหรับร่างกายนักนั่นมันไม่แปลกเลยมันทำให้เรานึกถึงภาพของหลอดทดลองที่กำลังเดือดปุด ๆ และความคิดเกี่ยวกับการไหม้ของสารเคมีที่น่ากลัว รวมทั้งคำเตือนที่ส่งมารุ่นต่อรุ่นว่าควรหลีกเลี่ยงการใช้กรดตั้งแต่อายุยังน้อยเพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรงและการระคายเคือง แต่มันอาจไม่ใช่ความจริงทั้งหมดเมื่อคุณใช้อย่างถูกวิธีและเหมาะสมมันจะก่อประโยชน์มากมายโดยในกรณีนี้เราจะมาพูดถึงกรดบำรุงผิว เป็นเวลาหลายทศวรรษแล้วที่ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวได้มีส่วนผสมจากกรดบางชนิดที่ไม่เพียงแต่ปลอดภัยต่อผิวแต่มีประสิทธิภาพอย่างน่าทึ่ง คุณอาจรู้มาบ้างแล้วว่ากรดในสกินแคร์สามารถต่อสู้กับสิว ริ้วรอย จุดด่างดำ รอยแผลเป็น และสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอหรืออื่น ๆ อีกมากมาย ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ด้วยกรดที่มีอยู่มากมายล้นหลามในท้องตลาดอาจทำให้คุณสับสนว่าควรเลือกใช้ชนิดใด และเพื่ออะไร และควรซื้อผลิตภัณฑ์ใด หรือควรเริ่มจากตรงไหน วันนี้เราจะพาคุณมาทำความรู้จักกับกรดประเภทต่าง ๆ ว่ามีประโยชน์อย่างไร รวมถึงการเลือกเพื่อให้เหมาะกับปัญหาและสภาพผิวของคุณ การเริ่มต้น การเลือกกรดที่จะใช้เพื่อแก้ปัญหาผิวโดยเริ่มต้นจากวิธีที่ง่ายที่สุดในการเลือกคือ รู้ปัญหาผิวของคุณและสภาพผิวของคุณก่อน เพราะเมื่อใช้ในความเข้มข้นและสูตรที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณแล้วกรดจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อผิวของคุณช่วยให้ผิวสวยสมบูรณ์แบบที่ทุกคนใฝ่ฝัน! เพราะหากเลือกกรดที่ไม่เหมาะกับผิวยิ่งความเข้มข้นสูงเท่าไรกรดก็จะยิ่งระคายเคืองผิวมากขึ้นเท่านั้น ทดสอบแพตช์เสมอและเริ่มต้นด้วยความเข้มข้นที่ต่ำกว่าก่อนที่จะเลื่อนขึ้น Ascorbic Acid (Vitamin C) กรดแอสคอร์บิก (วิตามินซี) ประโยชน์เด่น : ผิวกระจ่างใส วิตามินซีได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในส่วนผสมต่อต้านริ้วรอยที่ดีที่สุดในท้องตลาด และเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาผิวที่เรียบเนียน สม่ำเสมอ และเปล่งประกายและแม้ว่าคุณอาจได้รับวิตามินซีจากอาหารจะสร้างความสวยงามของผิวจากภายในส่วนภายนอกนั้นการใช้เซรั่มและผลิตภัณฑ์ที่มีวิตามินซีเป็นส่วนผสมจะทำงานกับชั้นผิวภายนอกจะถูกดูดซึมเข้าสู่ผิวชั้นบนสุดของผิวหนังโดยตรงทำให้สามารถทำงานได้ทันทีจึงทำให้ผลลัพธ์ผิวสามารถสังเกตเห็นได้เร็วเช่น สร้างผิวที่เรียบเนียน ลดริ้วรอยและจุดด่างดำ และป้องกันอนุมูลอิสระ วิตามินซีในรูปของกรดแอสคอร์บิกจะแทรกซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ดีที่สุด ช่วยลดการสูญเสียน้ำผ่านผิวหนังและทำให้ผิวของคุณกักเก็บความชุ่มชื้นป้องกันความเสียหายที่เกิดจากแสงแดดและอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายต่อผิว การใช้วิตามินซี ปกติแล้วมันมีอยู่ทั้งในครีมบำรุงผิวหน้าและเซรั่ม ซึ่งเซรั่มมีความเข้มข้นมากกว่ามอยส์เจอร์ไรเซอร์และซึมเข้าสู่ผิวได้ง่ายกว่าจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผิวจึงแนะนำเซรั่มวิตามินซีมากกว่า และเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดควรทาวิตามินซีวันละ 1-2 ครั้งเช้าและก่อนนอน […]
เที่ยวได้ผิวไม่เสียเคล็ดลับง่าย ๆ เหมาะสำหรับคนชอบเดินทางไม่ว่าจะเดินทางไกลแค่ไหน จะไปทางรถ ทางเรือ หรือทางน้ำเรามีวิธีดูแลผิวมาแนะนำ

การเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นเสมอเราคาดไม่ถึงเลยว่าจะได้ประสบการณ์อะไรบ้างในการเดินทางแต่ละครั้ง แต่ที่แน่ ๆ ผิวของคุณนั้นจะได้รับประสบการณ์แบบเต็ม ๆ เลยล่ะ เมื่อคุณกำลังเดินทางกิจวัตรการดูแลผิวประจำอาจไม่ได้อยู่ในลิสต์แรก ๆ ที่จะทำนี้อาจส่งผลเสียมากกว่าที่คุณคิดจากบางกิจกรรมที่คุณอาจจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่น เที่ยวบินเพียงอย่างเดียวสามารถสร้างความเครียดให้ผิวได้มากทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากถึง 1.5 ลิตรสามชั่วโมงบนเที่ยวบินนั้นอันที่จริงปัจจัยในการเดินทางระยะไกลรวมกับสภาพอากาศและการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกันทำให้ผิวขาดน้ำมาก และเหตุผลอื่น ๆ ที่คุณควรระวังด้วยเหตุนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ ข้างล่างนี้มีข้อมูลที่จะทำให้คุณสามารถเที่ยวได้ผิวไม่เสียไม่ว่าคุณจะอยู่บนอากาศ บนท้องถนน หรือล่องเรืออยู่ก็ตาม 1. รักษาวิธีการดูแลผิวต่างๆให้เหมือนกับกิจวัตรประจำวันให้มากที่สุด จะดีมากหากการเดินทางของคุณจะไม่ได้กระทบกับวิธีการบำรุงผิวโดยทั่วไปของคุณ แต่หากทริปที่คุณไปไม่ได้สะดวกขนาดนั้นคุณสามารถนำสกินแคร์ตัวโปรดบางตัวติดตัวไปด้วยได้ ข้อนี้จะมีประโยชน์กับน้ำหนักและพื้นที่ว่างในกระเป๋าของคุณพอสมควร และสกินแคร์ที่ไม่ควรข้ามคือ ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป ทิชชูเปียกเช็ดเครื่องสำอาง คลีนซิ่ง และมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ทั้งหมดนี้มีทั้งการทำความสะอาด การบำรุงผิว และการป้องกันครบจบ อาจทำให้คุณรู้สึกชอบมันช่างสะดวกและไม่ยุ่งยาก มีความปลอดภัยผิวต่อสกินแคร์เก่าค้างที่หมดอายุอีกด้วยเพราะบางทีอาจลืมดูวันหมดอายุและนำมาใช้อาจจะส่งผลเสียกับผิวได้มากเลยล่ะ นี้คือเหตุว่าเมื่อจบทริปกลับถึงบ้านอาจมีความคิดที่อยากเคลียร์โต๊ะเครื่องแป้งครั้งใหญ่เลยล่ะ 2. หากครีมตัวโปรดไม่มีขนาดพกพา หากผิวของคุณยังคงต้องการสกินแคร์ที่จำเป็นแต่ขนาดของมันกลับพกพาไม่สะดวกมีไม่เหมาะกับการเดินทาง พอลองหาซื้อขนาดพกพาแต่ก็ไม่มีขาย สิ่งที่คุณสามารถทำได้ง่าย ๆ คือ การถ่ายโอนผลิตภัณฑ์ดูแลผิวของคุณไปยังบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็ก ปกติแล้วคุณสามารถหาซื้อบรรจุพรรณขนาดเล็กเหล่านี้ได้ง่ายและมีหลากหลายขนาดให้เลือก หรือจะใช้บรรจุภัณฑ์ขนาดเล็กใกล้ตัวอย่างเช่น กล่องใส่คอนแทคเลนส์กับครีมบำรุงรอบดวงตา หรือเตรียมสำลีก้านในหลอดดูดน้ำพลาสติกก็เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยม นอกจากสกินแคร์แล้วยังรวมไปถึงแชมพู ครีมนวด […]
“ตำแหน่งของสิวบอกเหตุ”บริเวณของสิวที่ขึ้นบนใบหน้าบอกอะไร?ตำราจากแพทย์แผนจีนโบราณจะเชื่อมต่อหรือขัดแย้งกับวิทยาศาสตร์หรือไม่?

ส่วนใหญ่เราอาจแก้ปัญหาสิวผ่านการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลภายนอกโดยลืมไปเลยว่าปัญหาจริง ๆ ของมันอาจจะมาจากสุขภาพภายในก็เป็นได้เพราะสิวหรือผิวพรรณมักจะมีความสัมพันธ์กับสุขภาพภายในอยู่เสมอ เมื่อเราคุ้นเคยกับการดูแลผิวจากโลกฝั่งตะวันตกกันมากจนมองข้ามบางอย่างที่สำคัญไปอย่างการดูแลผิวแบบชาวเอเชีย ใช่ค่ะการแพทย์แผนโบราณของชาวเอเชียมีชื่อเสียงมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นอายุรเวทของอินเดียหรือจะเป็นแพทย์แผนจีนโบราณ เราได้เห็นมามากมายแล้วเกี่ยวกับการนำภูมิปัญญาเก่ากลับกลายมาเป็นกระแสได้ใหม่อีกครั้งและแพทย์แผนจีนโบราณก็มีบทบาทส่วนใหญ่ในสุขภาพและผิวพรรณอีกด้วยและในกรณีที่เราจะมาพูดถึงตำแหน่งของสิวบอกสาเหตุได้จริงหรือไม่? มันมีความเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์สมัยใหม่หรือเปล่า? หลาย ๆ คนได้ตั้งข้อสงสัยว่า “การทำแผนที่สิวบนใบหน้า” จะเชื่อได้จริง ๆ เหรอวันนี้เราจะพามาดูว่าการแพทย์ในสมัยโบราณและสมัยใหม่มีความเห็นแตกต่างหรือเหมือนกันอย่างไร แผนที่สิวบนใบหน้า? ทฤษฎีจีนโบราณนี้ได้อธิบายว่าคุณภาพของผิว ความเปล่งปลั่ง ความชุ่มชื้น หรือสิวบางประเภทบนใบหน้าของคุณสามารถบ่งบอกถึงสุขภาพภายในของคุณได้เพราะร่างกายประกอบด้วยระบบต่าง ๆ เช่น น้ำเหลือง ระบบประสาท ระบบย่อยอาหาร และระบบทั้งหมดเหล่านี้เชื่อมโยงเข้าด้วยกันในการแพทย์แผนจีนมองว่าร่างกายทุกส่วนทำงานร่วมกันและเมื่อส่วนใดเกิดปัญหาก็จะส่งผลกระทบไปยังส่วนอื่นที่เชื่อมต่อกันเกิดสิวเป็นภาพสะท้อนของสิ่งที่เกิดขึ้นภายในร่างกายของคุณ และเมื่อคุณรู้ถึงการเชื่อมโยงดังกล่าวแล้วจะช่วยให้คุณสามารถระบุได้ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่เกิดสิวนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตหรืออาหารที่อาจช่วยรักษาสิวจากภายในสู่ภายนอกได้ แพทย์แผนจีนโบราณ โดยทางแพทย์แผนจีนโบราณได้อธิบายว่าสิวที่เกิดขึ้นเหนือคิ้วของคุณอาจบ่งบอกถึงความเครียดในระบบย่อยอาหารของคุณ เช่น ถุงน้ำดี ลำไส้เล็ก และกระเพาะปัสสาวะ ตัวอย่างเช่น หากร่างกายของคุณขาดน้ำหรือไม่สามารถกำจัดสารพิษได้ดี สารพิษเหล่านี้อาจเกิดขึ้นบนผิวของคุณในรูปแบบของสิวหรือผิวอักเสบ หากคุณเป็นสิวขึ้นบริเวณนี้ให้หลีกเลี่ยงการกินอาหารแปรรูปหรืออาหารขยะให้น้อยลงรวมถึงลดปริมาณไขมันในอาหารของคุณด้วย แพทย์แผนปัจจุบัน สิวบริเวณไรผมหน้าผากและขมับในทางวิทยาศาสตร์อาจเกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมบางชนิด เมื่อเป็นกรณีนี้เรียกว่า Pomade Acne สิ่งนี้สามารถส่งผลกระทบเมื่อผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมที่มีความมันหรือขี้ผึ้งกระจายไปยังผิวที่อยู่ใกล้เคียง สิ่งเหล่านี้สามารถปิดกั้นรูขุมขนได้ซึ่งอาจทำให้เกิดสิวได้ ส่วนผสมบางอย่างในผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เกิดสิวได้แก่ cyclopentasiloxane, dimethicone, PVP/DMAPA, acrylates, panthenol, silicone, quaternium-70, oils, petrolatum วิธีการแก้ไข จัดการกับความเครียด […]