“8 พฤติกรรมทำร้ายผิว”นิสัยแย่ ๆ ที่ทำให้ผิวแก่ก่อนวัย!มาปรับนิสัยเล็กๆ น้อยๆ เพื่อยืดอายุผิวกันด้วยวิธีง่าย ๆ

แม้ว่าผิวทุกวัยมีความสวยงามแตกต่างแต่กาลเวลาก็อาจทำให้ผิวที่เคยเปล่งประกายกลับหม่นหมองและหย่อนยานลงได้แต่นอกจากเวลาแล้วสิ่งที่กระตุ้นการทำร้ายผิวเพิ่มมากขึ้นคือพฤติกรรมในการใช้ชีวิตบางอย่างที่ไม่ควรทำ มันอาจจะส่งผลให้กระตุ้นการเกิดริ้วรอยหรือการขจัดน้ำออกจากผิวโดยไม่คาดคิดซึ่งนำไปสู่สัญญาณของริ้วรอยและผิวแก่ก่อนวัย หากคุณเคยสงสัยว่ากิจวัตรของคุณกำลังเร่งเวลาให้ผิวของคุณเสื่อมสภาพเร็วขึ้นอยู่หรือไม่ เราได้มีคำแนะนำจากแพทย์ผิวหนังชั้นนำเพื่อค้นหานิสัยประจำวันที่คุณอาจต้องการเลิกทำหรือพิจารณาใหม่ เพื่อช่วยยืดอายุช่วยให้ผิวของคุณเต่งตึง สดใส และเรียบเนียนโดยการลดพฤติกรรมเหล่านี้โดยพวกเขาได้แบ่งปันวิธีแก้ปัญหาเพื่อต่อสู้กับการรุกรานของริ้วรอยเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งวัน คุณสามารถปรับพฤติกรรมตั้งแต่วิธีที่คุณถือโทรศัพท์จนถึงการทานคุกกี้ตอนเที่ยงนี่คือสิ่งที่อาจสร้างความเสียหายให้กับผิวของคุณ มาดูพฤติกรรมทำร้ายผิวและสิ่งที่ควรจัดการกัน 1. การขยี้ตาบ่อย ๆ อาจทำให้เกิดรอยคล้ำและริ้วรอยได้ ถุงใต้ตาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการชราภาพตามธรรมชาติมันจะเกิดขึ้นกับทุกคน มันจะเกิดขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อรอบดวงตาอ่อนแอลง แต่ถึงแม้ว่าการขยี้ตาไม่ใช่ปัญหาที่ทำให้เกิดผลข้างเคียงอย่างถาวรแต่การขยี้ตาอย่างต่อเนื่องสามารถสร้างปัญหาได้โดยการเพิ่มการอักเสบในบริเวณนั้น เพราะว่าการขยี้ตาอย่างต่อเนื่องอาจส่งผลต่อเส้นรอบดวงตาของคุณรวมถึงการดึงและถูบนผิวบอบบางรอบดวงตาอาจทำให้เกิดความหมองคล้ำได้ โดยมักจะเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นสำหรับผู้ป่วยโรคเรื้อนกวางซึ่งอาจขยี้ตามากเกินไปเนื่องจากอาการคันและระคายเคืองจนอาจทำให้ดูเหมือนใต้ตาดำคล้ำมากกว่าปกติ Paul Jarrod Frank, MD, แพทย์ผิวหนังที่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการในนิวยอร์กซิตี้และผู้เขียน The Pro-Aging Playbook กล่าว วิธีแก้ปัญหาผิวหนัง ให้หาสาเหตุว่าทำไมคุณถึงขยี้ตาตามที่ศูนย์การแพทย์ Wexner ของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐโอไฮโอในโคลัมบัสได้พบสาเหตุที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยที่สุดคือ “การแพ้” ดังนั้นควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรักษาอาการต่าง ๆ 2. การนอนไม่เพียงพอรบกวนการต่ออายุของผิว การนอนหลับที่ดีเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการสร้างพลังงาน สมาธิ และผิวพรรณ Jeannette Graf, MD, ผู้ช่วยศาสตราจารย์คลินิกโรคผิวหนังแห่ง Mount Sinai School of Medicine ในนิวยอร์กซิตี้กล่าวว่า “ในตอนกลางคืนผิวหนังจะเข้าสู่สภาวะการฟื้นตัวนั่นรวมถึงการฟื้นฟูและต่ออายุให้กับผิวอีกด้วย” เมื่อเวลาผ่านไปการอดนอนอาจส่งผลที่ชัดเจนบนใบหน้าของคุณ […]
“SKIN IN MENOPAUSE”ปัญหาผิววัยทองรู้ไว้ก่อนเพื่อลดปัญหาผิวที่จะตามมากับวัยได้นะคะ

เราได้ยินมามากเกี่ยวกับปัญหาทางด้านอารมณ์และสุขภาพร่างกายของช่วงใกล้หมดประจำเดือนทั้งอาการร้อนวูบวาบ สมองไม่สดใส อารมณ์ทางเพศหมดไป ทั้งหมดนี้เกิดจากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในเพศหญิงที่ลดน้อยลง แล้วกับผิวล่ะ? จากการศึกษาพบว่าเอสโตรเจนมีบทบาทในการผลิตคอลลาเจน ความยืดหยุ่นของผิว ความหนาและระดับความชื้นของผิว ตลอดจนหลอดเลือดที่แข็งแรง(ที่ทำให้แก้มของคุณชมพูสีดอกกุหลาบแบบสุขภาพดี) เมื่อร่างกายคุณผลิตเอสโตรเจนน้อยลงคุณสามารถเห็นผลลัพธ์ของมันชัดเจน เช่น เส้นและริ้วรอย ความแห้งกร้าน ผิวอ่อนไหว ความหมองคล้ำ และความหย่อนคล้อย ทุก ๆ ปีเรามักจะได้ร้องเพลงแฮปปีเบิร์ดเดย์หรือจัดงานสังสรรค์กับเพื่อน ๆ ครอบครัว หรือแม้แต่ฉลองเองคนเดียวก็ตามสิ่งที่เราได้มาพร้อมกับของขวัญนั่นคืออายุที่เพิ่มขึ้นหนึ่งปี(แม้จะไม่อยากได้ก็ตาม) ทุกวินาที ทุกชั่วโมง ทุกวัน จนเป็นเดือนและเป็นหลาย ๆ ปีร่างกายของเราไม่เคยหยุดทำงานระบบต่าง ๆ ทำงานไปข้างหน้าเสมอจนเราหลาย ๆ คนลืมไปว่าจะมีสักวันหนึ่งที่จะถึงเวลาของร่างกายอาจทำงานได้น้อยลงฟังก์ชันต่าง ๆ ในร่างกายก็ติด ๆ ดับ ๆ ทำงานได้ไม่ดีเท่าเดิมในผิวของเราก็เช่นกัน “ผิววัยทอง” วัยหมดประจำเดือนคืออะไร? หมายถึงสตรีสูงวัยที่มีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงเนื่องจากรังไข่หยุดทำงานซึ่งส่งผลให้หมดประจำเดือนอย่างถาวร อาการทางสุขภาพจิต อาการทางจิตที่พบบ่อยของวัยหมดประจำเดือนและวัยหมดประจำเดือน ได้แก่ : อาการทางกาย อาการทางกายภาพทั่วไปของวัยหมดประจำเดือนและวัยหมดประจำเดือน ได้แก่ : การเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงเวลาแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ หากคุณอยู่ในวัย 40 […]
“All About Skin ACIDs”กรดบำรุงผิวเลือกกรดให้เหมาะกับปัญหาหรือสภาพผิวอย่างไร?

พวกเราหลาย ๆ คนแค่ได้ยินคำว่า “กรด” ก็อาจจะรู้สึกว่าคำนี้ไม่ค่อยปลอดภัยสำหรับร่างกายนักนั่นมันไม่แปลกเลยมันทำให้เรานึกถึงภาพของหลอดทดลองที่กำลังเดือดปุด ๆ และความคิดเกี่ยวกับการไหม้ของสารเคมีที่น่ากลัว รวมทั้งคำเตือนที่ส่งมารุ่นต่อรุ่นว่าควรหลีกเลี่ยงการใช้กรดตั้งแต่อายุยังน้อยเพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรงและการระคายเคือง แต่มันอาจไม่ใช่ความจริงทั้งหมดเมื่อคุณใช้อย่างถูกวิธีและเหมาะสมมันจะก่อประโยชน์มากมายโดยในกรณีนี้เราจะมาพูดถึงกรดบำรุงผิว เป็นเวลาหลายทศวรรษแล้วที่ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวได้มีส่วนผสมจากกรดบางชนิดที่ไม่เพียงแต่ปลอดภัยต่อผิวแต่มีประสิทธิภาพอย่างน่าทึ่ง คุณอาจรู้มาบ้างแล้วว่ากรดในสกินแคร์สามารถต่อสู้กับสิว ริ้วรอย จุดด่างดำ รอยแผลเป็น และสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอหรืออื่น ๆ อีกมากมาย ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ด้วยกรดที่มีอยู่มากมายล้นหลามในท้องตลาดอาจทำให้คุณสับสนว่าควรเลือกใช้ชนิดใด และเพื่ออะไร และควรซื้อผลิตภัณฑ์ใด หรือควรเริ่มจากตรงไหน วันนี้เราจะพาคุณมาทำความรู้จักกับกรดประเภทต่าง ๆ ว่ามีประโยชน์อย่างไร รวมถึงการเลือกเพื่อให้เหมาะกับปัญหาและสภาพผิวของคุณ การเริ่มต้น การเลือกกรดที่จะใช้เพื่อแก้ปัญหาผิวโดยเริ่มต้นจากวิธีที่ง่ายที่สุดในการเลือกคือ รู้ปัญหาผิวของคุณและสภาพผิวของคุณก่อน เพราะเมื่อใช้ในความเข้มข้นและสูตรที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณแล้วกรดจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อผิวของคุณช่วยให้ผิวสวยสมบูรณ์แบบที่ทุกคนใฝ่ฝัน! เพราะหากเลือกกรดที่ไม่เหมาะกับผิวยิ่งความเข้มข้นสูงเท่าไรกรดก็จะยิ่งระคายเคืองผิวมากขึ้นเท่านั้น ทดสอบแพตช์เสมอและเริ่มต้นด้วยความเข้มข้นที่ต่ำกว่าก่อนที่จะเลื่อนขึ้น Ascorbic Acid (Vitamin C) กรดแอสคอร์บิก (วิตามินซี) ประโยชน์เด่น : ผิวกระจ่างใส วิตามินซีได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในส่วนผสมต่อต้านริ้วรอยที่ดีที่สุดในท้องตลาด และเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาผิวที่เรียบเนียน สม่ำเสมอ และเปล่งประกายและแม้ว่าคุณอาจได้รับวิตามินซีจากอาหารจะสร้างความสวยงามของผิวจากภายในส่วนภายนอกนั้นการใช้เซรั่มและผลิตภัณฑ์ที่มีวิตามินซีเป็นส่วนผสมจะทำงานกับชั้นผิวภายนอกจะถูกดูดซึมเข้าสู่ผิวชั้นบนสุดของผิวหนังโดยตรงทำให้สามารถทำงานได้ทันทีจึงทำให้ผลลัพธ์ผิวสามารถสังเกตเห็นได้เร็วเช่น สร้างผิวที่เรียบเนียน ลดริ้วรอยและจุดด่างดำ และป้องกันอนุมูลอิสระ วิตามินซีในรูปของกรดแอสคอร์บิกจะแทรกซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ดีที่สุด ช่วยลดการสูญเสียน้ำผ่านผิวหนังและทำให้ผิวของคุณกักเก็บความชุ่มชื้นป้องกันความเสียหายที่เกิดจากแสงแดดและอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายต่อผิว การใช้วิตามินซี ปกติแล้วมันมีอยู่ทั้งในครีมบำรุงผิวหน้าและเซรั่ม ซึ่งเซรั่มมีความเข้มข้นมากกว่ามอยส์เจอร์ไรเซอร์และซึมเข้าสู่ผิวได้ง่ายกว่าจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผิวจึงแนะนำเซรั่มวิตามินซีมากกว่า และเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดควรทาวิตามินซีวันละ 1-2 ครั้งเช้าและก่อนนอน […]
เที่ยวได้ผิวไม่เสียเคล็ดลับง่าย ๆ เหมาะสำหรับคนชอบเดินทางไม่ว่าจะเดินทางไกลแค่ไหน จะไปทางรถ ทางเรือ หรือทางน้ำเรามีวิธีดูแลผิวมาแนะนำ

การเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นเสมอเราคาดไม่ถึงเลยว่าจะได้ประสบการณ์อะไรบ้างในการเดินทางแต่ละครั้ง แต่ที่แน่ ๆ ผิวของคุณนั้นจะได้รับประสบการณ์แบบเต็ม ๆ เลยล่ะ เมื่อคุณกำลังเดินทางกิจวัตรการดูแลผิวประจำอาจไม่ได้อยู่ในลิสต์แรก ๆ ที่จะทำนี้อาจส่งผลเสียมากกว่าที่คุณคิดจากบางกิจกรรมที่คุณอาจจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่น เที่ยวบินเพียงอย่างเดียวสามารถสร้างความเครียดให้ผิวได้มากทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากถึง 1.5 ลิตรสามชั่วโมงบนเที่ยวบินนั้นอันที่จริงปัจจัยในการเดินทางระยะไกลรวมกับสภาพอากาศและการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกันทำให้ผิวขาดน้ำมาก และเหตุผลอื่น ๆ ที่คุณควรระวังด้วยเหตุนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ ข้างล่างนี้มีข้อมูลที่จะทำให้คุณสามารถเที่ยวได้ผิวไม่เสียไม่ว่าคุณจะอยู่บนอากาศ บนท้องถนน หรือล่องเรืออยู่ก็ตาม 1. รักษาวิธีการดูแลผิวต่างๆให้เหมือนกับกิจวัตรประจำวันให้มากที่สุด จะดีมากหากการเดินทางของคุณจะไม่ได้กระทบกับวิธีการบำรุงผิวโดยทั่วไปของคุณ แต่หากทริปที่คุณไปไม่ได้สะดวกขนาดนั้นคุณสามารถนำสกินแคร์ตัวโปรดบางตัวติดตัวไปด้วยได้ ข้อนี้จะมีประโยชน์กับน้ำหนักและพื้นที่ว่างในกระเป๋าของคุณพอสมควร และสกินแคร์ที่ไม่ควรข้ามคือ ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป ทิชชูเปียกเช็ดเครื่องสำอาง คลีนซิ่ง และมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ทั้งหมดนี้มีทั้งการทำความสะอาด การบำรุงผิว และการป้องกันครบจบ อาจทำให้คุณรู้สึกชอบมันช่างสะดวกและไม่ยุ่งยาก มีความปลอดภัยผิวต่อสกินแคร์เก่าค้างที่หมดอายุอีกด้วยเพราะบางทีอาจลืมดูวันหมดอายุและนำมาใช้อาจจะส่งผลเสียกับผิวได้มากเลยล่ะ นี้คือเหตุว่าเมื่อจบทริปกลับถึงบ้านอาจมีความคิดที่อยากเคลียร์โต๊ะเครื่องแป้งครั้งใหญ่เลยล่ะ 2. หากครีมตัวโปรดไม่มีขนาดพกพา หากผิวของคุณยังคงต้องการสกินแคร์ที่จำเป็นแต่ขนาดของมันกลับพกพาไม่สะดวกมีไม่เหมาะกับการเดินทาง พอลองหาซื้อขนาดพกพาแต่ก็ไม่มีขาย สิ่งที่คุณสามารถทำได้ง่าย ๆ คือ การถ่ายโอนผลิตภัณฑ์ดูแลผิวของคุณไปยังบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็ก ปกติแล้วคุณสามารถหาซื้อบรรจุพรรณขนาดเล็กเหล่านี้ได้ง่ายและมีหลากหลายขนาดให้เลือก หรือจะใช้บรรจุภัณฑ์ขนาดเล็กใกล้ตัวอย่างเช่น กล่องใส่คอนแทคเลนส์กับครีมบำรุงรอบดวงตา หรือเตรียมสำลีก้านในหลอดดูดน้ำพลาสติกก็เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยม นอกจากสกินแคร์แล้วยังรวมไปถึงแชมพู ครีมนวด […]
“ตำแหน่งของสิวบอกเหตุ”บริเวณของสิวที่ขึ้นบนใบหน้าบอกอะไร?ตำราจากแพทย์แผนจีนโบราณจะเชื่อมต่อหรือขัดแย้งกับวิทยาศาสตร์หรือไม่?

ส่วนใหญ่เราอาจแก้ปัญหาสิวผ่านการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลภายนอกโดยลืมไปเลยว่าปัญหาจริง ๆ ของมันอาจจะมาจากสุขภาพภายในก็เป็นได้เพราะสิวหรือผิวพรรณมักจะมีความสัมพันธ์กับสุขภาพภายในอยู่เสมอ เมื่อเราคุ้นเคยกับการดูแลผิวจากโลกฝั่งตะวันตกกันมากจนมองข้ามบางอย่างที่สำคัญไปอย่างการดูแลผิวแบบชาวเอเชีย ใช่ค่ะการแพทย์แผนโบราณของชาวเอเชียมีชื่อเสียงมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นอายุรเวทของอินเดียหรือจะเป็นแพทย์แผนจีนโบราณ เราได้เห็นมามากมายแล้วเกี่ยวกับการนำภูมิปัญญาเก่ากลับกลายมาเป็นกระแสได้ใหม่อีกครั้งและแพทย์แผนจีนโบราณก็มีบทบาทส่วนใหญ่ในสุขภาพและผิวพรรณอีกด้วยและในกรณีที่เราจะมาพูดถึงตำแหน่งของสิวบอกสาเหตุได้จริงหรือไม่? มันมีความเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์สมัยใหม่หรือเปล่า? หลาย ๆ คนได้ตั้งข้อสงสัยว่า “การทำแผนที่สิวบนใบหน้า” จะเชื่อได้จริง ๆ เหรอวันนี้เราจะพามาดูว่าการแพทย์ในสมัยโบราณและสมัยใหม่มีความเห็นแตกต่างหรือเหมือนกันอย่างไร แผนที่สิวบนใบหน้า? ทฤษฎีจีนโบราณนี้ได้อธิบายว่าคุณภาพของผิว ความเปล่งปลั่ง ความชุ่มชื้น หรือสิวบางประเภทบนใบหน้าของคุณสามารถบ่งบอกถึงสุขภาพภายในของคุณได้เพราะร่างกายประกอบด้วยระบบต่าง ๆ เช่น น้ำเหลือง ระบบประสาท ระบบย่อยอาหาร และระบบทั้งหมดเหล่านี้เชื่อมโยงเข้าด้วยกันในการแพทย์แผนจีนมองว่าร่างกายทุกส่วนทำงานร่วมกันและเมื่อส่วนใดเกิดปัญหาก็จะส่งผลกระทบไปยังส่วนอื่นที่เชื่อมต่อกันเกิดสิวเป็นภาพสะท้อนของสิ่งที่เกิดขึ้นภายในร่างกายของคุณ และเมื่อคุณรู้ถึงการเชื่อมโยงดังกล่าวแล้วจะช่วยให้คุณสามารถระบุได้ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่เกิดสิวนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตหรืออาหารที่อาจช่วยรักษาสิวจากภายในสู่ภายนอกได้ แพทย์แผนจีนโบราณ โดยทางแพทย์แผนจีนโบราณได้อธิบายว่าสิวที่เกิดขึ้นเหนือคิ้วของคุณอาจบ่งบอกถึงความเครียดในระบบย่อยอาหารของคุณ เช่น ถุงน้ำดี ลำไส้เล็ก และกระเพาะปัสสาวะ ตัวอย่างเช่น หากร่างกายของคุณขาดน้ำหรือไม่สามารถกำจัดสารพิษได้ดี สารพิษเหล่านี้อาจเกิดขึ้นบนผิวของคุณในรูปแบบของสิวหรือผิวอักเสบ หากคุณเป็นสิวขึ้นบริเวณนี้ให้หลีกเลี่ยงการกินอาหารแปรรูปหรืออาหารขยะให้น้อยลงรวมถึงลดปริมาณไขมันในอาหารของคุณด้วย แพทย์แผนปัจจุบัน สิวบริเวณไรผมหน้าผากและขมับในทางวิทยาศาสตร์อาจเกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมบางชนิด เมื่อเป็นกรณีนี้เรียกว่า Pomade Acne สิ่งนี้สามารถส่งผลกระทบเมื่อผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมที่มีความมันหรือขี้ผึ้งกระจายไปยังผิวที่อยู่ใกล้เคียง สิ่งเหล่านี้สามารถปิดกั้นรูขุมขนได้ซึ่งอาจทำให้เกิดสิวได้ ส่วนผสมบางอย่างในผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เกิดสิวได้แก่ cyclopentasiloxane, dimethicone, PVP/DMAPA, acrylates, panthenol, silicone, quaternium-70, oils, petrolatum วิธีการแก้ไข จัดการกับความเครียด […]
“Glutathione”กลูตาไธโอนคืออะไร?10 ประโยชน์ดี ๆ มากกว่าผิวสว่างใส

ผิวขาวคือสิ่งที่สาวไทยส่วนใหญ่ใฝ่ฝันที่จะมีผิวที่สดใสและเปล่งปลั่งสมบูรณ์แบบไม่มีที่สิ้นสุด จนต้องแสวงหาวิธีการมากมายทั้งได้ลองใช้ผลิตภัณฑ์มากมายที่มีจำหน่ายในท้องตลาดทั้งการให้ความชุ่มชื้น การผลัดเซลล์ผิว และการปกป้องแสงแดดแต่ก็เหมือนว่าจะไร้ประโยชน์ อย่างไรก็ตาม คุณมีทางออกแล้วคุณสามารถใช้กลูตาไธโอนเพื่อทำให้ผิวสวยขึ้น ซึ่งกลูตาไธโอนถูกผลิตภายในร่างกายเป็นโมเลกุลที่สำคัญมากสำหรับคุณ มันทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพและเกี่ยวข้องกับการทำงานของร่างกายที่แตกต่างกัน เช่น เพิ่มระบบภูมิคุ้มกันที่ดีและการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ แต่ประโยชน์ของกลูตาไธโอนที่แท้จริงคืออะไร? สารประกอบนี้ได้รับการศึกษาอย่างจริงจังในแวดวงวิทยาศาสตร์ เราจะเจาะลึกเพื่อค้นหาว่ากลูตาไธโอนคืออะไรกันแน่และประโยชน์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วของกลูตาไธโอนที่แท้จริงคืออะไร? และหากกำลังสงสัยว่าการเพิ่มระดับกลูตาไธโอนของคุณคุ้มค่าหรือไม่และต้องทำอย่างไร ตลอดจนผลข้างเคียงและความเสี่ยงที่เกิดจากการเสริมกลูตาไธโอน ด้านล่างนี้จะเป็นเนื้อหาข้อมูลเพิ่มเติมของมัน กลูตาไธโอนคืออะไร? กลูตาไธโอนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งปกติแล้วจะผลิตโดยตับ แม้ว่ามันจะมีประโยชน์ทางการแพทย์หลายอย่างแต่สารประกอบที่ทรงพลังนี้สามารถทำงานมหัศจรรย์บนผิวของคุณได้กลูตาไธโอนมักจะแทรกระหว่างการทำงานที่สำคัญของร่างกาย เช่น การสร้างเนื้อเยื่อ ผลิตโปรตีนและสารเคมี ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันและต่อต้านอนุมูลอิสระ กระบวนการเหล่านี้ไม่เพียงแต่ดีต่อร่างกายของคุณเท่านั้นแต่คุณจะเห็นความแตกต่างในผิวของคุณด้วย เพราะสารต้านอนุมูลอิสระเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดอย่างหนึ่งของร่างกายในการป้องกันความเสียหายของเซลล์และทำให้คุณมีสุขภาพแข็งแรง สารต้านอนุมูลอิสระบางชนิดเช่นกลูตาไธโอนมีคุณสมบัติมากมายต่อผิวพรรณทั้งการต้านริ้วรอย ให้ผิวคงความสดใส สีผิวสม่ำเสมอและสว่างมากยิ่งขึ้น กลูตาไธโอนมีความจำเป็นต่อสิ่งมีชีวิตเกือบทุกชนิดตั้งแต่แบคทีเรียไปจนถึงมนุษย์ ส่วนประกอบของมันจะประกอบไปด้วยกรดอะมิโน 3 ชนิด ได้แก่ ซิสเทอีน ไกลซีน และกรดกลูตามิก กรดอะมิโนเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นส่วนประกอบสำคัญเพื่อลดการสูญเสียเซลล์ ช่วยฟื้นฟูวิตามินอีและซี ทำหน้าที่เป็นสารล้างพิษ ช่วยในเรื่องการเผาผลาญสารอาหาร และช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานอย่างถูกต้อง กลูตาไธโอนทำอะไรกับผิวของคุณ? กลูตาไธโอนจะส่งผลดีต่อความยืดหยุ่นของผิว ริ้วรอย และการสร้างเม็ดสี ผลกระทบเหล่านี้เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระของกลูตาไธโอนที่ช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์ กลูตาไธโอนทำอะไรกับใบหน้าคุณ? กลูตาไธโอนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติและสารล้างพิษ สามารถควบคุมเมลาโทนิน ส่งผลให้สีผิวสม่ำเสมอขึ้น และสามารถส่งผลในเชิงบวกโดยทั่วไปต่อความยืดหยุ่นและความอวบอิ่มของผิว 10 ประโยชน์ของกลูตาไธโอน 1. ลดความเครียดจากออกซิเดชัน […]
“FRANCE Beauty Brands” ฝรั่งเศสศูนย์กลางแบรนด์ความงามระดับโลกทำไมจึงศูนย์รวมส่วนผสมคุณภาพสูงระดับโลกทั้งในสกินแคร์ เครื่องสำอาง และน้ำหอม

จุดเริ่มต้นอาจมาจากผู้หญิงคนแรกของโลกที่ไม่มีใครต้านทานได้คือ “Eve” เสื้อผ้าชุดแรกของเธอน่าจะเป็นกลิ่นหอมจากผิวที่สวยบริสุทธิ์ไร้มลทินได้อาศัยอยู่ในสวนที่พระเจ้าทรงปลูกไว้อย่างสวน “Eden” บรรยากาศได้ถูกรายรอบไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้ ทุ่งหญ้าและสายน้ำ มีความอุดมสมบูรณ์จากพืชนานาพันธุ์สร้างกลิ่นหอมชวนให้หลงใหล จนเวลาได้ล่วงเลยมาถึงทุกวันนี้ความสวยงามเหล่านั้นถูกนำมาบรรจุอยู่ในลักษณะของสกินแคร์ เครื่องสำอาง และน้ำหอมเพื่อมอบพลังธรรมชาติให้ผู้หญิงทุกคนเดินออกจากประตูบ้านด้วยความมั่นใจ และเมื่อเราจะพูดถึงจุดกำเนิดของอุตสาหกรรมความงามหรือกำเนิดแบรนด์ความงามระดับโลกเหล่านี้มีหนึ่งประเทศที่เป็นแหล่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพมากแห่งหนึ่งของโลกนั่นคือ “ฝรั่งเศส” โดยอันดับแรกชาวฝรั่งเศสนั้นเป็นผู้ที่มีความรู้ในการสร้างสรรค์น้ำหอมมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยที่ได้ทำการสกัดน้ำมันหอมจากวัตถุดิบธรรมชาติจากทั่วประเทศน้ำมันหอมเหล่านี้นอกจากจะใช้ผลิตทั้งน้ำหอมและเป็นส่วนผสมในการดูแลผิวและเมื่อเราไปเดินดูผลิตภัณฑ์ความงามเหล่านี้ที่เคาน์เตอร์ชั้นนำตามห้างจะมีแบรนด์ที่มาจากฝรั่งเศสซะเป็นส่วนใหญ่แล้วทำไมส่วนผสมจากที่นี้จึงมีชื่อเสียงมากกว่าที่อื่นกันนะ? อะไรทำให้ผลิตภัณฑ์ของฝรั่งเศสโดดเด่น? ชาวฝรั่งเศสมีชื่อเสียงในการเป็นผู้นำแฟชั่นอยู่เสมอนั่นอาจเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมในการดูแลตัวเองทั้งการแต่งกาย การดูแลผิวและกลิ่นหอมที่น่าทึ่งเพื่อเพิ่มสีสันและการปรนเปรอให้กับชีวิตที่พิเศษกว่า และด้วยนิสัยที่ชอบดูแลตัวเองของชาวฝรั่งเศสที่มีมานานกว่าประเทศอื่น ๆ (ตั้งแต่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14) จึงทำให้ตั้งแต่การแต่งหน้าไปจนถึงเสื้อผ้าที่ผลิตขึ้นในฝรั่งเศสมักถูกมองว่ามีคุณภาพสูงเสมอและเมื่อด้วยชื่อเสียงแบบนี้เริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้นพวกเขาก็ไม่หยุดอยู่กับที่และมีการพัฒนาการออกแบบและคุณภาพให้โดดเด่นกว่าใคร ๆ จนไม่มีประเทศไหนตามทันได้ ดังนั้นสินค้าส่วนใหญ่ที่ผลิตขึ้นจากชาวฝรั่งเศสมีมาตรฐานที่สูงและสามารถรักษาชื่อเสียงในฐานะประเทศที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลกได้ เมื่อพูดถึงแฟชั่นและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายพวกเขามีสัมผัสที่พิเศษ นิสัยละเอียดอ่อน และลึกซึ้งในเรื่องศิลปะ วัฒนธรรมและแฟชั่น แนวปฏิบัตินี้ฝังแน่นในวัฒนธรรมฝรั่งเศสจนบางคนอาจคิดว่าวลี “less is more” ถูกสร้างขึ้นเพื่ออธิบายรสนิยมของชาวฝรั่งเศสโดยเฉพาะ ทัศนคติเช่นนี้นำไปสู่การสร้างผลิตภัณฑ์ดูแลผิวคุณภาพสูงออกมา โดยแทนที่ครีมและโลชั่นจะใส่ส่วนผสมมากมายพวกเขากลับเน้นส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพสูงแบบพรีเมี่ยมเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น เพราะยิ่งผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมน้อยเท่าไร ก็ยิ่งซึมเข้าสู่ผิวได้ง่ายขึ้นเท่านั้น! และเรื่องของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ที่มีราคาค่อนข้างสูงจึงทำให้หลาย ๆ คนคิดว่าของแพงแบบนี้เป็นการโก่งราคาเกินจริงหรือเป็นการตลาดกันแน่ ที่จริงแล้วงบการตลาดก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผลิตภัณฑ์แบรนด์หรูที่มีชื่อเสียงระดับโลกนั้นแพงขึ้นแต่เอาเข้าจริง ๆ แล้วเมื่อคิดถึงต้นทุนการผลิตจากฝรั่งเศสนั้นก็ไม่ได้ถูกเลยทั้งส่วนผสมที่ถูกปลูกขึ้นในเมืองสำคัญของฝรั่งเศสที่มีราคาสูง ค่าแรงของชาวฝรั่งเศสเพราะมีค่าแรงขั้นต่ำที่สูงเป็นอันดับสามของโลก(ข้อมูลปี2020) โดยมีมูลค่าประมาณหกหมื่นกว่าบาท และค่าขนส่งไปยังที่ต่าง ๆ ทั่วโลกและแน่นอนว่าค่าโฆษณาทั่วโลกก็เช่นกัน และมองเข้าไปในกระบวนการผลิตพวกเขามองว่าสินค้าของพวกเขาคืองานศิลปะทุกชิ้นงานไม่ได้คิดและผลิตออกมาแบบส่ง ๆ จึงทำให้มูลค่าในผลิตภัณฑ์จากฝรั่งเศสมีมูลค่าสูงในตัวของมันเองโดยไม่ต้องปั่นกระแสแต่อย่างใด “ผลิตภัณฑ์ความงามจากฝรั่งเศสครองโลก” นอกจากจะผลิตให้กับแบรนด์ฝรั่งเศสแท้ ๆ […]
Vegan Collagenวีแกนคอลลาเจนทดแทนคอลลาเจนปกติได้หรือไม่?คอลลาเจนจากพืช Vs สัตว์ – มีความแตกต่างกันอย่างไร?

ด้วยการเพิ่มขึ้นของการบริโภคแบบมังสวิรัติสิ่งหนึ่งแน่นอนที่จะต้องเกิดขึ้นคือการมองหาทรัพยากรทางเลือกจากพืชสําหรับการผลิตอาหารรวมถึงสินค้าต่าง ๆ ยิ่งนับวันก็ยิ่งได้รับความนิยมขึ้นมากขึ้นจนอาจมีคำถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์จากพืชจะมีประโยชน์ทางโภชนาการเช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์จากสัตว์ได้จริงหรือเปล่า? โชคดีที่ปัจจุบันมีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ควบคู่ไปกับการวิจัยที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ในผลิตภัณฑ์ทางเลือกจากพืชได้แสดงให้เราเห็นว่าในพืชหลายชนิดมีคอลลาเจนอยู่จริง ในบทความนี้คุณจะได้เรียนรู้ความแตกต่างระหว่างวีแกนคอลลาเจนกับคอลลาเจนปกติที่ได้จากสัตว์เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดเพื่อจะได้เลือกให้ตรงกับความต้องการของร่างกายของคุณ คอลลาเจนคืออะไร? คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่สำคัญที่สุดในร่างกายของคุณ คอลลาเจนเป็นโมเลกุลโปรตีนที่มีปริมาณมากถึงหนึ่งในสามของโปรตีนทั้งหมดในร่างกาย มันมีหน้าที่เพื่อเป็นโครงสร้างของเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกายมันจะอยู่ในแทบทุกส่วนของร่างกายมนุษย์ เช่น ผิวหนัง กระดูก กล้ามเนื้อ เล็บ เอ็น และข้อต่อต่าง ๆ สำคัญมากสำหรับผิวที่เต่งตึงเพราะมันทำหน้าที่เหมือนกับสปริงในที่นอน และเมื่อสปริงยุบ หด หรือหัก พื้นผิวที่เรียบ เด้ง เต่งตึง ก็จะย้วยและ ขาดความยืดหยุ่น (ในรูปซ้ายไปขวา – จากแข็งแรงไปอ่อนแอ) คอลลาเจนมีกี่ประเภท อะไรบ้าง? คอลลาเจนที่พบในร่างกายมนุษย์มี 28 ชนิด แต่มี 5 ชนิดที่ใช้กันมากที่สุดในผลิตภัณฑ์เสริม แต่มีสามชนิดที่มีผลผิวพรรณมากที่สุดคือ Type I, Type II, Type III คอลลาเจนเหล่านี้มีแหล่งที่มาแตกต่างกันและส่งผลต่อประโยชน์ที่แตกต่างกันไปตามประเภทของส่วนผสม คอลลาเจนชนิดที่ 1 : Type I คอลลาเจนชนิดที่ 1 […]
Rosy Glowing Skin ผิวอมชมพูแบบธรรมชาติถ้าผิวดูสุขภาพดีจะมีผิวเฉดสีไหนก็สวยได้

เราจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผิวขาวยังคงเป็นกระแสหลักในความงามของหญิงสาวโดยเฉพาะอย่างยิ่งในบ้านเราจนมีบางคนต้องอาศัยทางลัดอย่างเช่นการฉีดผิวเพื่อจะทำให้สีผิวของตัวเองดูอ่อนลงแต่ผิวที่ได้กลายเป็นผิวที่ซีดจาง ผิวไม่มีเลือดฝาดจนต้องอาศัยการแต่งหน้าเพื่อพลางผิวที่ไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งบางคนมีความฝันที่อยากจะมีผิวอมชมพูเปล่งปลั่งดูสุขภาพดีนี้หมายถึงการไหลเวียนเลือดไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างทั่วถึงโดยเฉพาะผิว พูดไปก็เหมือนเกินจริง แต่เฉดสีแดงเล็กน้อยจากการไหลเวียนเลือดภายในร่างกายจะทำให้คุณมีผิวที่ดูสุขภาพดีเป็นสีกลีบดอกกุหลาบแบบธรรมชาติทําให้คุณดูสดชื่นและอ่อนเยาว์ขึ้น ไม่ว่าคุณจะมีผิวสีคล้ำหรือสีไหน ๆ ถ้าผิวมีสีอมชมพูจะทำให้คุณมีเสน่ห์และน่ามองขึ้นอีกเยอะเลยล่ะ 1. อย่าอดอาหาร : ทานอาหารให้ครบมื้อเพื่อเสริมการซ่อมแซมของร่างกายและเซลล์ผิว หากคุณไม่มีปัญหาเรื่องน้ำหนักหรือน้ำหนักไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ที่มีปัญหามากนักการอดอาหารจะทำให้คุณดูไม่สดใส แต่! ก็ใช่ว่าคุณจะกินได้ทุกอย่าง “You are what you eat” เป็นคำที่ยังคงใช้ได้และอธิบายได้ดีที่สุด การรับประทานอาหารที่ดีและดีต่อสุขภาพเป็นกุญแจสําคัญในการมีผิวที่แข็งแรงและตัวตนที่สวยงามยิ่งขึ้น คุณไม่ควรข้ามมื้ออาหารของคุณแม้ว่าคุณจะอยู่ในช่วงไดเอทก็ตาม การอดอาหารแบบหักดิบไม่เคยดีต่อสุขภาพของคุณ คุณควรใช้เวลาอย่างน้อย 4 มื้อต่อวันโดยจะต้องเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพทั้งอาหารเช้า อาหารกลางวัน อาหารว่างและอาหารเย็น อาจจะฟังดูเยอะจังเลยตั้ง 4 มื้อนั้นอาจจะฟังดูเยอะเมื่อคุณคิดถึงมื้ออาหารที่ชอบเต็มโต๊ะไปหมดและรับรองได้เลยเมื่อคุณหันมาทานหารหารที่ดีต่อสุขภาพคุณจะคิดว่า 4 มื้อนั้นไม่พอหรอก! 2. เลือกกินอาหารสุขภาพ : เติมสารอาหารและวิตามินที่จำเป็นต่อผิว และยังเหมาะต่อการคุมน้ำหนักอีกด้วย อาหารสุขภาพนอกจากจะช่วยให้ร่างกายของคุณมีสุขภาพที่ดีแล้วยังช่วยให้ผิวของคุณดูสุขภาพดีขึ้นอีกด้วย อาหารบางอย่างโดยเฉพาะอาหารแปรรูป อาหารทอด อาหารจานด่วน และการทานน้ําตาลสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพผิวของคุณในทางลบทำให้เกิดการอักเสบที่เพิ่มขึ้นในร่างกายของคุณอาจส่งผลเสียต่อผิวของคุณ เช่น การระคายเคือง สิว และสร้างความชราแก่ผิวได้ Omega 3 : โอเมก้า 3 […]
“Hot Stone”การนวดหินร้อนจากการผ่อนคลายสู่ผิวสวยประโยชน์ต่อสุขภาพของการนวดด้วยหินร้อนคืออะไร?

ลองนึกถึงครั้งสุดท้ายที่คุณเครียด กล้ามเนื้อของคุณรู้สึกอย่างไรเจ็บปวดมากหรือเปล่า สิ่งที่เกิดขึ้นในใจของคุณคือต้องการวิ่งเข้า Spa แต่แพคเกจที่หลากหลายล่อตาล่อใจเรานั้นแพคเกจไหนล่ะที่จะตอบโจทย์คุณ พอเหลือบไปเห็นคำว่า Hot Stone มันฟังดูแล้วเป็นแพคเกจที่พิเศษและดูหรูหราและดึงดูดไม่น้อย และมันจะต่างจากการนวดน้ำมันปกติมากหรือเปล่า จะคุ้มค่าต่อการเลือกมั้ย ผลพลอยได้ที่อาจทำให้ผิวสวยสุขภาดีขึ้น ลองเลื่อนลงข้างล่างเพื่อประกอบการตัดสินใจกันคะ การใช้หินร้อนเพื่อปรับปรุงสุขภาพและการผ่อนคลายที่เก่าแก่ที่สุดเกิดขึ้นในอินเดีย พิธีกรรมนี้เริ่มขึ้นในหมู่ชาวฮินดูในอินเดียเมื่อประมาณ 5,000 ปีก่อนและถูกเรียกว่า “อายุรเวท” สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการวางหินบนร่างกายเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อตึงเครียดและบรรเทาอาการปวดที่เกี่ยวข้อง รวมถึงยังวางหินบนหน้าท้องเพื่อปรับปรุงการย่อยอาหาร และประมาณ 3,000 ปีต่อมาชาวอาหรับใช้แก้วเผาไฟครอบหรือเรียกว่าการครอบแก้ว(Cupping Therapy) ตามตำแหน่งของการวางหินร้อนเพื่อรักษาโรค ต่อมาชาวพื้นเมืองของหมู่เกาะแซนด์วิชหรือที่เรารู้จักในชื่อฮาวายได้ค้นพบว่าการห่อหินลาวาอุ่น ๆ ไว้ในใบไม้และนําไปใช้กับร่างกายจะช่วยบรรเทาอาการปวดโดยควบคุมวิธีการโดยหมอยาที่เรียกว่า Kahunas จนมาถึงชนพื้นเมืองอเมริกันได้ให้การยอมรับว่าความร้อนที่เกิดจากหินช่วยลดกล้ามเนื้อที่ตึงเครียดและทําให้ร่างกายผ่อนคลายลง การใช้การนวดด้วยหินร้อนในยุคปัจจุบันมีความหลากหลายเพื่อให้เหมาะกับความต้องการที่แตกต่างกันมากมาย โดยปกติแล้วหินมักจะถูกทําให้ร้อนแล้วนำมานวดตามร่างกาย แต่ก็จะมีบางวิธีที่นำหินไปแช่เย็นและสลับกับหินที่อุ่นซึ่งจะเพิ่มการไหลเวียนไปยังกล้ามเนื้อที่ต้องการผ่อนคลายโดยอาจจะเคลือบด้วยน้ำมันเพื่อให้ลื่นไถลไปทั่วผิว อะไรคือความแตกต่างระหว่างการนวดหินร้อนและการนวดปกติ? ความแตกต่างที่สําคัญระหว่างการนวดด้วยหินร้อนและการนวดปกติคือจุดโฟกัสของการนวดหินร้อนคือการใช้หินเพื่อใช้แรงกดในระหว่างการนวดบําบัดเพื่อส่งเสริมการผ่อนคลายหินที่ร้อนบวกกับน้ำหนักที่กดจะสามารถสลายกล้ามเนื้อที่ตึงได้เร็วกว่าการนวดจากมือเปล่า ๆ การนวดด้วยหินร้อนคืออะไร? การนวดประเภทนี้เกี่ยวข้องกับการใช้และการจัดวางหินในจุดต่าง ๆ ของร่างกาย หินจะถูกทําให้ร้อนก่อนการใช้งานและนักนวดบําบัดสามารถใช้แรงกดในจุดที่ต้องการรักษาโดยการวางหินร้อนจะช่วยให้กล้ามเนื้อผ่านคลายได้มากขึ้นเมื่อบวกกับการนวดจะทำให้การคลายตัวสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ทําไมต้องเป็นหินร้อน? หินแม่น้ำหินบะซอลต์เป็นหินที่ใช้กันมากที่สุดในระหว่างการนวดประเภทนี้เพราะเรียบจากกระแสน้ําและเก็บความร้อนได้ดี พวกเขามักจะทําจากหินภูเขาไฟซึ่งช่วยให้พวกเขาความร้อนได้อย่างรวดเร็วและเก็บความร้อนนั้นเป็นเวลานาน ก่อนการรักษาหินจะถูกทําให้ร้อนในเครื่องทําความร้อนระดับมืออาชีพด้วยอุณหภูมิ 110 ° F ถึง 145 ° F การนวดประเภทนี้รักษาอะไร? ทุกคนรู้ว่าการนวดเป็นการรักษาเป็นวิธีทางธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสําหรับเพื่อลดความเครียด แต่การนวดประเภทนี้สามารถช่วยรักษาและแก้ไขปัญหาอื่น […]