“NIACINAMIDE”ไนอาซินาไมด์คืออะไร?ได้ยินมาก็เยอะอ่านเจอมาก็บ่อยมันสำคัญกับผิวอย่างไรเรามีคำตอบให้ค่ะ!

รีวิวครีมบำรุงผิว

หนึ่งวิตามินที่มักจะอยู่ในลิสต์รายชื่อวิตามินบำรุงผิวอย่าง Niacinamide อาจจะคุ้นหูคุ้นตากันดีโดยชื่อของมันฟังดูเหมือนเป็นหนึ่งในส่วนประกอบทางเคมีของแบรนด์สกินแคร์ที่เป็นส่วนผสมในการดูแลผิวที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อันที่จริงแล้วมันเป็นหนึ่งในรูปแบบของวิตามินบีที่มีอยู่กว่า 12 ชนิด โดยไนอาซินาไมด์เป็นรูปแบบของวิตามินบี 3 โดยประโยชน์ของไนอาซินาไมด์นั้นไม่ธรรมดามีบทบาทในการเปลี่ยนอาหารที่เรากินให้เป็นพลังงาน ช่วยให้ร่างกายใช้โปรตีนและไขมันและระบบประสาทแข็งแรงรวมถึงการปรับปรุงปัญหาผิวทุกประเภทตั้งแต่สิว รอยดำ  สัญญาณของวัยรวมถึงสุขภาพผมอีกด้วย มาดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ควรรู้เกี่ยวกับไนอาซินาไมด์กันค่ะ ไนอาซินาไมด์คืออะไร? “Niacinamide” คือรูปแบบหนึ่งของ “วิตามินบี” ที่เรียกว่า VITAMIN B3 หรือมีชื่ออื่นในผลิตภัณฑ์เช่น icotinamide, nicotinic acid, and vitamin PP เป็นสารอาหารที่จำเป็นและการขาดวิตามินดังกล่าวอาจนำไปสู่ความผิดปกติของผิวหนัง ไตและสมอง สารอาหารมีอยู่ในอาหารเช่นผักใบเขียวและธัญพืชไม่ขัดสีโดยวิตามิน B3 เป็นหนึ่งในวิตามินที่ละลายในน้ำได้ซึ่งร่างกายต้องการเปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงานเพื่อจะทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีความสำคัญต่อการซ่อมแซมเซลล์โดยทั่วไปพบได้ในแหล่งอาหารที่หลากหลายรวมทั้งสัตว์ปีก พืชตระกูลถั่ว และไข่ และรูปแบบสังเคราะห์ของไนอาซินาไมด์มีประโยชน์ในการทำมอยส์เจอร์ไรเซอร์ เซรั่ม และผลิตภัณฑ์ดูแลผิว  ประโยชน์เด่นของไนอาซินาไมด์ต่อผิวของคุณ ควรเลือกอะไรระหว่างผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรืออาหารเสริม? ควรได้รับทั้งสองทางเพื่อผลลัพธ์ที่ดีการรับประทานอาหารที่สมดุลและมีวิตามินบี 3 เพื่อบำรุงร่างกายโดยรวมให้เกิดมีสุขภาพที่ดี ส่วนการใช้ผลิตภัณฑ์ทาภายนอกก็สำคัญด้วยเช่นกันเพราะมันจะเข้าไปแก้ไขปัญหาผิวได้ตรงจุด อาหารที่มีวิตมินบี 3 เช่น ไข่ ซีเรียล ผักใบเขียว ถั่ว ตับ อกไก่ ทูน่า แซลม่อน […]

เลือกส่วนผสมจากธรรมชาติลดริ้วรอยชะลอวัย-ยืดอายุของผิวให้สวยได้นานขึ้น

รีวิวครีม

ต้องยอมรับว่า “ริ้วรอย” เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่สามารถหลีกหนีได้ แน่นอนว่าทุกคนล้วนจะต้องเจอกับสภาพผิวที่เปลี่ยนไปเมื่ออายุมากขึ้นริ้วรอยจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัยปลายอย่างประกอบกัน เช่น อาหาร การดูแลผิวและวิถีชีวิตประจำวัน จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่ามีผลิตภัณฑ์ต่อต้านริ้วรอยมากมายในท้องตลาดและด้วยส่วนผสมที่แตกต่างกันไปในแต่ละแบรนด์ ซึ่งกุญแจสําคัญคือการทําความเข้าใจเกี่ยวกับส่วนผสมจากธรรมชาติลดริ้วรอยเพราะเมื่อเราเลือกส่วนผสมที่แก้ปัญหาได้ตรงจุดจะทำให้คุ้มค่ากับเงินที่เราจ่ายเพราะผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอยมักจะมีราคาสูงกว่าสกินแคร์ชนิดอื่น และที่สำคัญเราสามารถนำรายชื่อส่วนผสมจากธรรมชาติเหล่านี้ไปหาซื้อได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นครีมแบรนด์ใหญ่ราคาแพงหรือจะเป็นแบรนด์ท้องถิ่นที่คุ้มค่าเงิน  Honey น้ำผึ้ง น้ำผึ้งคือตัวแทนของรสชาติหวานที่ผู้คนมักใช้แทนความหวานจากน้ำตาลในการทําให้อาหารและเครื่องดื่มแล้วมันยังมีคุณค่าในการรักษาผิวให้ดีขึ้นอีกด้วย การใช้น้ำผึ้งในการดูแลผิวไม่ใช่แนวคิดใหม่ เป็นเวลาหลายศตวรรษ เมื่อย้อนกลับไปกว่า 4000 ปี มันถูกผสมกับการสมุนไพรอื่น ๆ เพื่อเพิ่มสรรพคุณในการรักษา และคงสภาพให้ยาต่าง ๆ เก็บไว้ได้นานขึ้นมันเป็นแหล่งพลังงานธรรมชาติที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ & ฟลาโวนอยด์ จนทำให้น้ำผึ้งยังคงเป็นส่วนสําคัญของวิถีชีวิตของเรา ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของน้ำผึ้งนี้เป็นยาวิเศษสําหรับสุขภาพภายนอกและภายในโดยรวมของร่างกายยัง ในฐานะที่เป็นขุมพลังของสารอาหารที่จําเป็นมากมาย น้ำผึ้งเป็นที่ชื่นชอบของนักโภชนาการ โดยเฉพาะนักโภชนาการและผู้เชี่ยวชาญด้านความงามด้วยเหตุผลหลายประการ น้ำผึ้งเป็น humectant ธรรมชาติ – ที่ช่วยดูดซับความชุ่มชื้นจากอากาศเข้าสู่ผิวสามารถช่วยคืนความชุ่มชื้นตามธรรมชาติให้กับผิว นี่เป็นสิ่งสําคัญสําหรับการต่อต้านริ้วรอยเนื่องจากการได้รับแสงแดดและการสูญเสียน้ำใต้ผิวหนังทําให้ผิวแห้งและสูญเสียน้ำมันธรรมชาติ มันจะให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวอย่างล้ำลึก เหตุผลที่น้ำผึ้งมักถูกพบว่าเป็นส่วนผสมพื้นฐานสําหรับผลิตภัณฑ์ความงามเกือบทุกชนิดเป็นเพราะมันให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวอย่างล้ำลึกสู่ภายใน เอนไซม์ที่มีอยู่ในน้ำผึ้งช่วยให้ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างง่ายดายในขณะที่ปรับสภาพและทําให้ผิวนุ่มขึ้นจากภายในช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวของคุณจึงทําให้ดูอ่อนเยาว์และเปล่งปลั่งจึงเป็นที่มาของผลลัพธ์ที่สามารถช่วยหยุดและลดริ้วรอยได้ ผลลัพธ์อื่น ๆ ที่ได้จากการบำรุงผิวด้วยน้ำผึ้ง มีคุณสมบัติจุลินทรีย์และการรักษาบาดแผลเพราะช่วยต้านจุลชีพต่อสู้กับการติดเชื้อที่ผิวหนัง พร้อมทั้งการทําความสะอาดรูขุมขนและผลัดเซลล์ผิวได้อย่างอ่อนโยนจึงทำให้ลดรอยแผลเป็นและเพิ่มความสว่างให้กับใบหน้าของคุณ Quinoa (Rice/Wheat Protein) ควินัว (รวมถึงข้าวและวีทโปรตีน) ซุปเปอร์ฟู้ดที่เป็นธัญพืชเหล่านี้เต็มไปด้วยสารอาหารสูงซึ่งรวมถึง วิตามินเอ, วิตามินบี, แคลเซียม, […]

ความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับการดูแลผิวความเชื่อเดิม ๆ ที่อาจทำร้ายผิวอย่าเพิ่งเชื่อหรือคิดไปเองหากคุณยังไม่ได้อ่าน!

รีวิวครีม

ถ้าจะพูดถึงการดูแลผิวของมนุษย์เรานั้นมีมานานหลายพันปีมาแล้ว ไม่ใช่ว่าคนสมัยโบราณไม่รักสวยรักงามนะเพราะมีตำรามากมายที่มีบันทึกเกี่ยวกับโรคผิวหนังและการรักษาในสมัยต่าง ๆ เอาไว้ในหลาย ๆ อารยธรรม แน่นอนว่าเมื่อเวลาผ่านไปสภาพสังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรมที่ผสมผสาน หรือแม้กระทั่งสภาพอากาศที่ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปทำให้เกิดวิวัฒนาการด้านต่าง ๆ นั่นรวมถึงเรื่องของ “การดูแลผิว” เราได้ไขปริศนาต่าง ๆ มากมายเกี่ยวกับส่วนผสมและวิธีการส่งเสริมสุขภาพผิวอย่างหลากหลาย แต่เมื่อโลกได้ค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้าแต่ยังมีความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับการดูแลผิวที่อาจทำร้ายผิวได้ ซึ่งส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นเมื่อหลายปีก่อนโดยผู้ที่มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์แบบจํากัด ความเชื่อเหล่านี้เราอาจทำโดยเป็นความรู้สึกที่เราคิดว่ามันปลอดภัยกับผิวแต่อันที่จริงแล้วควรทำความเข้าใจเงื่อนไขบางอย่าง ข้างล่างนี้จะอธิบายว่าทำไมคุณจึงควรหลีกเลี่ยงความเชื่อเหล่านั้น เลื่อนลงมาอ่านและทำความเข้าใจไปพร้อมกันเลยค่ะ เชื่อว่า : Brightening Lightening และ Whitening ใช้แทนกันได้ ความจริง : จุดประสงค์ในการใช้ของแต่ละชนิดแตกต่างกัน คนส่วนใหญ่มักใช้คำว่า “อยากมีผิวขาว” แต่การที่จะทำให้ผิวขาวขึ้นมักเป็นกระบวนการที่อาจจะต้องใช้ความรุนแรงกับผิวมากเป็นพิเศษซึ่งมันไม่ค่อยดีกับผิวสักเท่าไหร่ ซึ่งหลาย ๆ คนมักจะเข้าใจว่าผลิตภัณฑ์กลุ่ม Brightening Lightening และ Whitening สามารถใช้แทนกันได้แต่ทั้งสามกระบวนการอาจมีความคล้ายคลึงกันและมีบางแง่มุมที่ทับซ้อนกัน Brightening คือ ทำให้ผิวกระจ่างใสโดย “คืนความเปล่งปลั่งตามธรรมชาติของผิวคุณ” โดยการกําจัดเซลล์ผิวที่หมองคล้ำและตายแล้วออกจากพื้นผิวการใช้ Brightening เป็นส่วนสําคัญของกิจวัตรในการดูแลผิวประจําวันของคนส่วนใหญ่เนื่องจากไม่เพียงแต่ช่วยฟื้นฟูสีผิวตามธรรมชาติของคุณ ช่วยกําจัดเซลล์ผิวหมองคล้ําเก่าให้เผยผิวกระจ่างใสเปล่งปลั่งดูสดชื่นแต่ยังสามารถช่วยทําความสะอาดไม่ให้เกิดการสะสมของสิ่งสกปรกต่าง ๆ  […]

เลือกสกินแคร์ป้องกันผิวแก่ก่อนวัย (25-35ปี)ผิวของคุณจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญมาเลือกวิธีสกินแคร์สำหรับวัยผู้ใหญ่ตอนต้นใครอายุเกิน 25 ควรอ่าน!

รีวิวครีม

เมื่อเราจะถามคุณว่าวัยผู้ใหญ่นั้นควรจะมีอายุอยู่ประมาณเท่าไหร่! หลาย ๆ คนอาจจะรู้สึกถึงความห่างไกลของตัวเลขอาจเดากันไปว่า 40 35 หรือแม้แต่ 30 ปี แต่อันที่จริงแล้วคนส่วนใหญ่จะมีการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ตั้งแต่อายุยี่สิบกว่า ๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะนับที่ 25 ปีเป็นหลักเพราะเมื่อคุณข้าม 25 คุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในร่างกาย โดยเฉพาะผิวของคุณความชราจะเริ่มปรากฏผ่านผิวหนังของเรา เราพบความหมองคล้ำ ความแห้งกร้าน รูขุมขนกว้าง ริ้วรอย และรอยเหี่ยวย่นทั้งที่ไม่เคยปรากฏบนผิวของเราเมื่อหลายปีก่อน เมื่อเราอายุมากขึ้นผิวของเราต้องการมากกว่าการทำความสะอาดและให้ความชุ่มชื้นคุณจะต้องมีกิจวัตรการดูแลผิวที่ดีเพื่อให้แน่ใจว่าจะได้รับการดูแลที่จำเป็นในการชะลอกระบวนการชราอย่างไรก็ตาม เราสามารถช่วยคุณด้วยเคล็ดลับการดูแลผิวที่ถูกต้องเพื่อให้ดูอ่อนเยาว์หลังจากอายุ 25 ปีได้คุณต้องดูแลผิวของคุณอย่างเหมาะสมเพื่อลดสัญญาณเหล่านี้และป้องกันริ้วรอยก่อนวัย ข้างล่างนี้คือเกร็ดความรู้และเคล็ดลับการเลือกสกินแคร์ป้องกันผิวแก่ก่อนวัยสำหรับวัยหลัง 25 ปี ที่จะช่วยให้คุณรักษาสุขภาพผิวของคุณให้แลดูอ่อนเยาว์และผิวมีชีวิตชีวา 1. Clean Your Face : การทำความสะอาดใบหน้า เราจะเริ่มต้นด้วยการทำความสะอาดผิวเพราะแน่นอนว่าทุกคนจะต้องผ่านกระบวนการนี้ทั้งตอนตื่นและก่อนนอน การทำความสะอาดผิวที่เหมาะกับผิววัยผู้ใหญ่นั้นจะมีความแตกต่างไปนิดหน่อย แม้ว่าในวัยรุ่นคุณจะมีผิวที่เป็นสิวหรือมีความมันมากกว่าคนอื่นแล้วเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มอบความหมดจดแต่ค่อนข้างรุนแรงกับผิวแต่เมื่ออายุของคุณก้าวข้ามมาในวัยผู้ใหญ่ความอ่อนโยนอาจจะต้องเป็นตัวเลือกที่มาเป็นอันดับแรกโดยตัวเลือกที่ดีและเหมาะสมคือผลิตภัณฑ์ที่มีฟองน้อยหรือไม่มีฟอง  ไม่ผิดหรอกที่คุณมีความรู้สึกอยากใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่หมดจดหรือใช้ความรุนแรงเพื่อทำให้การล้างหน้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อวัยรุ่นคุณอาจจะไม่เจอปัญหามากนักแต่ในความเป็นจริงระยะเวลาที่คุณใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฟองสะสมมาหลายปีอาจจะไม่เหมาะกับวัยที่เปลี่ยนไปทำให้ผิวแห้งและเพิ่มความเสี่ยงในการเหี่ยวย่นได้  เคล็ดลับการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฟองน้อยหรือไม่มีฟองให้รู้สึกสะอาดหมดจดคือการนวดและให้เวลาเพื่อให้ผลิตภัณฑ์จะซึมลงบนใบหน้าของคุณพยายามตั้งเป้าไว้ 20 ถึง 30 วินาทีในการล้าง หรือคุณมีผิวที่มันมากก็สามารถนวดผลิตภัณฑ์บนผิวได้นานยิ่งขึ้นโดยไม่ทำร้ายผิว ลองสังเกตได้เมื่อคุณเช็ดหน้าให้แห้งจะไม่รู้สึกแห้งตึงแต่กลับนุ่มและสะอาดกว่าที่คิด  2. Tone your face : การใช้โทนเนอร์ การใช้โทนเนอร์เป็นส่วนสำคัญของกิจวัตรการดูแลผิว […]

อันตรายของแป้งฝุ่นโรยตัวก่อมะเร็งจริงเหรอ?>มารู้จักสารสำคัญ : ทัลคัม (Talcum)แร่ใยหิน (Asbestos) เกี่ยวข้องกันและอันตรายอย่างไร?

รีวิวครีม

ทัลคัมคืออะไร? แป้งทัลคัมอันตรายอย่างไร? เกี่ยวอะไรกับแร่ใยหิน? คดีของ Johnson’s Baby Powder! โรคที่อาจเกิดจากแป้งทัลคัม! ปลอดภัยกับการแต่งหน้าหรือไม่? ปลอดภัยกับเด็กหรือไม่? มาใช้ให้ถูกวิธีกัน! แป้งชนิดอื่นที่สามารถใช้ทดแทนได้! การมีผิวเรียบเนียนนุ่มลื่นไม่เหนอะหนะคงเป็นผิวในฝันของใครหลาย ๆ คนแต่มันจะเป็นไปได้ยังไงเมื่อบ้านเราร้อนตับแลบทั้งปีได้ขนาดนี้ หลังอาบน้ำเช็ดตัวให้แห้งจะมีอะไรดีไปกว่าการลงแป้งฝุ่นโรยตัวเพื่อดูดซับความชื้นและความสบายตัว บางคนชอบสูตรคูลแบบยิ่งเย็นยิ่งสะใจ บางคนชอบกลิ่นหอมอ่อน ๆ ติดผิวไปทั้งวัน ใครจะไปคิดว่าแป้งฝุ่นเมื่อใช้ไปนาน ๆ มันจะเข้าสู่ร่างกายตามช่องทางต่าง ๆ ก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บตามมา แต่อย่างไรก็แล้วแต่เราสามารถใช้มันให้ถูกวิธีและลดความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ ได้ ทั้งตัวคุณเอง คนในครอบครัว และคนสำคัญเช่นลูกน้อยของคุณ เรามาทำความรู้จักและเรียนรู้วิธีการใช้งานที่ถูกต้องด้านล่างกันค่ะ ทัลคัม (Talcum) คืออะไร? เป็นแร่ธาตุที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่ได้มาจากการขุดจาก Silicate mineral เป็นแร่ธาตุที่อ่อนนุ่มที่สุดมีส่วนประกอบทางเคมีอย่างประกอบด้วยแมกนีเซียมและซิลิเกตไฮเดรต เหมืองที่ขุดออกมาจะทำการบดขยี้ให้กลายเป็นผงแป้งละเอียดนุ่มสีขาวที่เรียกว่าผง “แป้งทัลคัม” มันเป็นส่วนผสมหลักในเครื่องสําอางจํานวนมาก รวมถึงส่วนผสมในเซรามิกสีและวัสดุมุงหลังคา เมื่อนำมาบดให้ละเอียดเป็นแป้งฝุ่นจะกลายเป็นแป้งฝุ่นโรยตัวที่ช่วยดูดซับความชุ่มชื้น ลดกลิ่นและช่วยลดแรงเสียดทานได้ดี ทําให้มีประโยชน์ในการทําให้ผิวแห้งและช่วยป้องกันผื่นคัน มันถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในผลิตภัณฑ์เครื่องสําอาง เช่น แป้งเด็ก แป้งโรยตัวผู้ใหญ่ แป้งฝุ่นสำหรับใบหน้า และผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคอื่น ๆ อีกหลายร้อยรายการ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น […]

เลือกน้ำหอมสำหรับเจ้าสาวสร้างกลิ่นที่คุณจะจดจำและหวงแหนตลอดไปสร้างกลิ่นให้น่าจดจําที่คุณจะหวงแหนตลอดไป

รีวิวน้ำหอม

เมื่อวันสำคัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของลูกผู้หญิงอย่างวันแต่งงานนั้นใกล้จะมาถึงนอกจากเรื่องสถานที่ ชุดแต่งงานแล้ว สิ่งที่จะเพิ่มให้งานแต่งงานของคุณพิเศษขึ้นด้วยการเลือกน้ำหอมสำหรับเจ้าสาวสักหนึ่งกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อเก็บเกี่ยวความทรงจำในวันสำคัญไว้ในเนื้อกลิ่นคล้ายว่าเป็นสมุดภาพที่มีกลิ่นของงานแต่งงาน “กลิ่นนี้จะทําให้คุณนึกถึงวันนั้นตลอดชีวิตของคุณ” ในวันที่ทุกอย่างควรจะสมบูรณ์แบบ สวยงาม และน่าจดจํามันจึงมีเหตุผลพอสมควรที่คุณจะหากลิ่นน้ำหอมใหม่เพื่อเป็นกลิ่นประจำงานแต่ง (แม้ว่าคุณจะมีกลิ่นโปรดและรักมันมากก็ตาม) จงไปเซาะหากลิ่นที่พิเศษกว่าทุก ๆ วันที่คุณใช้เพราะมันเป็นความจริงที่ว่ากลิ่นและความทรงจําเชื่อมโยงกันดังนั้นการสวมใส่น้ําหอมเฉพาะที่คุณไม่ได้ใช้ตลอดเวลาจะทําให้คุณนึกถึงวันแต่งงานของคุณเมื่อคุณได้กลิ่นอีกครั้ง! 4 แนวทางง่าย ๆ ในการเลือกน้ำหอม ให้โน้ตที่ชอบนำทางการเซาะหา ให้เริ่มจากดูกลิ่นที่คุณมีอยู่แล้ว เมื่อคุณได้ดมกลิ่นที่มีอยู่คุณจะสามารถระบุรูปแบบได้ว่าน้ำหอมแนวไหนที่จะดึงดูดคุณ เช่น ความเป็นธรรมชาติ สมุนไพร ดอกไม้ เครื่องเทศ ของหวานแสงแดด หรือซิตรัส  และเมื่อหากลองสังเกตดี ๆ จะมีน้ำหอม 1 – 2 ขวดที่คุณเก็บไว้ไม่ยอมใช้เพราะความเสียดายไม่อยากให้มันหมด นั้นอาจเป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจในการค้นหากลิ่นหอมเพื่อวันที่พิเศษนี้ อิงกับชุดเจ้าสาว เมื่อพูดถึงชุดเจ้าสาวคนส่วนใหญ่คงนึกถึงสีขาวเป็นหลักแต่จริง ๆ แล้วในสมัยนี้สีของชุดเจ้าสาวได้นิยมใส่หลากหลายสีสันมากยิ่งขึ้น และการจับคู่น้ำหอมกับสีก็เป็นแนวทางที่ดีเพราะสีของน้ำหอม(สีน้ำหรือแพคเกจ)มักจะมีการคิดจากแบรนด์น้ำหอมอยู่แล้วว่าควรกลิ่นจะให้อารมณ์ไปในโทนสีไหน เช่น สีเหลืองจะแสดงถึงความสดชื่นแต่อบอุ่น สีชมพูจะแสดงถึงความสดชื่นและหวานให้อารมณ์ละเอียดอ่อน สีขาวจะแสดงถึงความสว่างสงบและผ่อนคลาย สีแดงจะแสดงถึงความร้อนแรงและมีพลัง แต่หากคุณเลือกชุดสีขาวเป็นหลัก น้ำหอมที่เหมาะอาจจะอยู่ในโทนสีขาว – ชมพู (ดอกส้มเป็นตัวเลือกยอดนิยมสําหรับเจ้าสาว) จะเหมาะกับชุดสีขาวสว่าง เมื่อกลิ่นฟุ้งไปในอากาศมันจะเพิ่มออร่าและความละเมียดละไมในบทบาทของเจ้าสาวได้ดีมาก ธีมงานแต่งและสถานที่ อีกทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้คุณมีอารมณ์ร่วมที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นหากกลิ่นที่คุณเลือกเหมาะกับธีมและสถานที่แต่งงาน เพราะเมื่อกลิ่นมันให้อารมณ์สอดคล้องกับสถานที่คุณจะยิ่งรู้สึกอินมากยิ่งขึ้นและเมื่อเวลาผ่านไปแล้วคุณกลับมาได้กลิ่นอีกครั้งคุณจะจำสถานที่และอารมณ์ในวันแต่งได้อย่างแม่นยำ เช่น งานแต่งริมชายหาดคุณอาจจะเลือกกลิ่นที่มีดอกไม้สีขาวหรือสีเหลืองและเพิ่มแอมเบอร์ที่ได้จากวาฬ […]

ดื่มไวน์อย่างไรให้ผิวสวยร่างกายจะได้รับประโยชน์อะไรจากไวน์แดง?มีผลอย่างไรต่อสุขภาพ ผิวพรรณ และเส้นผม?

รีวิวครีม

เป็นทราบกันดีว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มากเกินไปนั้นอาจทำให้ร่างกายและผิวเกิดการอักเสบ จนอาจส่งผลเสียต่อผิวได้แต่หากคุณดื่มอย่างพอดีมันกลับจะมอบประโยชน์ให้กับผิวและสุขภาพได้ด้วยนะโดยเฉพาะ “ไวน์แดง” โดยแพทย์ได้แนะนำให้ดื่มไวน์แดงหนึ่งแก้วต่อวันเพื่อจะได้รับประโยชน์ที่พอเหมาะพอดีไม่มากหรือน้อยเกินไปเหมาะกับการบำรุงผิวสวย หลังจากเจอความเครียดหรือแรงกดดันจากงานมาทั้งวันเมื่อเลิกงานมาการผ่อนคลายด้วยไวน์แดงสักหนึ่งแก้วเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมมากนอกจากจะช่วยการผ่อนคลายแล้วยังช่วยให้มื้อค่ำของคุณสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ได้มีหลักฐานการบันทึกเกี่ยวกับไวน์ครั้งแรกเมื่อย้อนกลับไปถึง 2200 ปีในสมัยสุเมเรียนและอียิปต์โบราณก่อนคริสตกาล มันมีประวัติที่ดีเกี่ยวข้องกับประโยชน์ทางยาในการรักษาทั้งสุขภาพ ผิวพรรณและเส้นผม เช่น ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานหัวใจและหลอดเลือด ไวน์แดงเป็นไวน์ชนิดหนึ่งที่ทําจากการบดและหมักองุ่นสีเข้ม โดยมีสายพันธุ์ทั่วไป ได้แก่ Nerello Mascalese, Merlot, Cabernet Sauvignon, Pinot noir และ Blend Red สีของไวน์อาจแตกต่างกันไปจากสีม่วงเข้มหรือสีน้ำตาลแดงขึ้นอยู่กับอายุของไวน์ ไวน์แดงทำไมมันประโยชน์ด้านความงาม? ไวน์แดงทําจากองุ่น และองุ่นอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพหลายชนิด พวกเขาเป็นที่รู้จักกันว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ เช่น Catechins Resveratrol Epicatechin และ Proanthocyanidins การศึกษาเปิดเผยว่า Resveratrol เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในผิวองุ่น มีประโยชน์ทั้งต่อต้านริ้วรอยและต่อสุขภาพหัวใจ  มีฟลาโวนอยด์ เช่น แอนโธไซยานินที่ให้ไวน์มันเป็นสีแดงซึ่งเป็นประโยชน์มากมายต่อร่างกายของคุณ Proanthocyanidins เกี่ยวข้องกับการบรรเทาความเสี่ยงโรคหัวใจ ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนจึงช่วยรักษาความยืดหยุ่นของผิวได้ดี มีส่วนทําให้ผิวดูอ่อนเยาว์ไร้ริ้วรอย สารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้ยังช่วยในการต่อสู้กับความเสียหายของเซลล์ผิว นักโภชนาการ Anshul Jaibharat กล่าวว่า ในแง่ของแอลกอฮอล์ -ไวน์แดง- มีแคลอรี่น้อยที่สุดและมีสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณที่ดี […]

“Skin Tightening”เคล็ดลับในการกระชับผิวผิวหย่อนคล้อยปัญหาผิวกวนใจที่แก้ไขยาก

รีวิวครีม

ทุกคนต่างรู้ดีว่าการลดน้ำหนักนั้นมีประโยชน์มากมายต่อหัวใจ ฮอร์โมน ร่างกายและสุขภาพโดยรวม การสร้างรูปร่างที่สมบูรณ์แบบให้เหมือนกับหุ่นในฝันนั้นมันไม่ได้ง่ายและสร้างได้เพียงชั่วข้ามคืนมันต้องใช้ทั้งพลังกายและพลังใจที่มุ่งมั่นจริง ๆ จากความตั้งใจที่แรงกล้าเพื่อการปรับเปลี่ยนรูปร่างและสุขภาพให้ดีขึ้นทำให้มีหลาย ๆ คนที่ประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักอย่างไรก็ตามในบางคนมันได้สร้างผลข้างเคียงที่เป็นปัญหาที่แก้ไขยากนั่นคือ “ผิวหย่อนคล้อย” ซึ่งโดยปกติถ้าคนมีน้ำหนักเยอะและขนาดตัวที่ใหญ่อาจพบปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้มากกว่าคนที่มีน้ำหนักน้อยหรือตัวเล็กกว่าซึ่งทำให้รู้สึกอึดอัดหงุดหงิดและขาดความมั่นใจในตัวเอง อะไรเป็นสาเหตุของผิวหย่อนคล้อย? ผิวหย่อนคล้อยหลังการลดน้ำหนักเป็นผลมาจากปัจจัยหลายประการ การมีน้ำหนักส่วนเกินเป็นเวลานานอาจทำให้คอลลาเจนและเส้นใยอีลาสตินในผิวของคุณเสียหายได้ ผิวหนังถูกยืดออกเป็นเวลานานเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินจะถูกทำลายผิวของคุณอาจขาดโปรตีนที่จำเป็นเพื่อให้กลับสู่รูปร่างเดิม ผิวสูญเสียความกระชับซึ่งจะทำให้เซลล์ผิวหนังย้วย นอกจากการสูญเสียอีลาสตินและคอลลาเจนแล้ว คอลลาเจนที่หลงเหลืออยู่ในผิวหนังก็จะเปลี่ยนไปเช่นกัน หลังจากลดน้ำหนักผิวของเรามีคอลลาเจนน้อยลงและองค์ประกอบที่เหลือของมันจะแตกต่างไปจากคอลลาเจนในคนที่มีผิวที่อ่อนเยาว์และมีสุขภาพดี ซึ่งรวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่ช่วยในการทำลายเส้นใย เช่น อายุ ประวัติการสูบบุหรี่ สุขภาพโดยทั่วไปและพันธุกรรม 6 ขั้นตอนในการกระชับสัดส่วนหลังการลดน้ำหนัก ก่อนอื่นคุณจะต้องระบุก่อนว่าผิวหนังส่วนเกินนั้นเป็นผิวหนังจริง ๆ หรืออาจเป็นชั้นไขมันบาง ๆ ที่แอบติดอยู่ตามร่างกาย (Stubborn fat) ซึ่งเป็นไขมันที่ลดยากมากที่สุด หากคุณสามารถบีบผิวแล้วดึงออกมาได้เกินสองถึงสามมิลลิเมตรแสดงว่าคุณยังมีเซลล์ไขมันบางส่วนที่ต้องขับออกไปก่อนจึงจะทำให้ผิวจะกระชับขึ้น ร่างกายของเราโดนไขมันประเภทที่ดื้อรั้นนี้สำหรับในผู้ชายมักจะเป็นบริเวณต่าง ๆ เช่น หน้าท้องส่วนล่างและหลังส่วนล่าง ในขณะที่ผู้หญิงสามารถพบที่ต้นขา ด้านหลัง หน้าท้อง และสะโพก ซึ่งตามชื่อของมัน ยากมากที่จะสลัดมันออกจากร่างกายของเรา เพื่อเผาผลาญไขมันร่างกายของคุณจะผลิตสารเคมีที่เรียกว่า “คาเทโคลามีน” สิ่งเหล่านี้เดินทางผ่านเลือดของคุณและยึดติดกับตัวรับในเซลล์ไขมัน เร่งการปลดปล่อยพลังงานที่เก็บไว้ภายในเซลล์เพื่อให้สามารถเผาผลาญได้ สิ่งที่คุณคิดว่าเป็นผิวส่วนเกินอาจเป็นเซลล์ไขมันที่สะสมอยู่ภายในผิวหนัง  ซึ่งในกรณีนี้คุณจะต้องลดไขมันภายในร่างกายออกเสียก่อน ผิวจึงจะดูเต่งตึงได้ วิธีที่ดีที่สุดในการทำเช่นนี้คือการฝึก HIIT […]

“MICROBIOME”ไมโครไบโอม ผิวมีชีวิตตัวช่วยผิวสวยที่หลายคนมองข้าม

รีวิวครีม

ร่างกายของคุณเต็มไปด้วยแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรานับล้านล้าน พวกเขาเรียกรวมกันว่า“MICROBIOME” ไมโครไบโอม แม้ว่าแบคทีเรียบางชนิดจะมีความเกี่ยวข้องกับโรค แต่บางชนิดก็มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบภูมิคุ้มกัน หัวใจ น้ำหนัก และสุขภาพด้านอื่น ๆ อย่างผิวพรรณของคุณ ลองนึกภาพเช้าวันธรรมดาในเมืองที่พลุกพล่าน ทางเดินที่เต็มไปด้วยผู้คนที่รีบไปทำงานหรือทำธุระบางอย่าง ลองจินตนาการถึงสิ่งนี้ในระดับที่เล็กขนาดจุลภาคนี้แหละคือ “ไมโครไบโอม” ซึ่งประกอบด้วยจุลินทรีย์หลายล้านล้านภายในร่างกายของเรา สปีชีส์ต่าง ๆ นับพันชนิดสิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่รวมถึงแบคทีเรียเท่านั้นแต่ยังรวมถึงเชื้อรา ปรสิต และไวรัสอีกด้วย ในคนที่มีสุขภาพดีพวกมันเหล่านี้จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข (โดยมีจำนวนมากที่สุดที่พบในลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่) โดยทั่วไปแล้วมันมีอยู่ทั่วร่างกายมันถูกระบุว่าเป็นระบบนิเวศน์ที่ช่วยสนับสนุนและส่งเสริมการทำงานของร่างกายมนุษย์ในแต่ละวันให้ราบรื่น มาดูกันว่ามันจะมีความสำคัญต่อร่างกาย สุขภาพและผิวพรรณอย่างไรกันค่ะ MICROBIOME คือ  แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา และสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กอื่น ๆ ที่เรียกว่าจุลินทรีย์ หรือเรียกสั้นๆ ว่าจุลชีพ จุลินทรีย์เหล่านี้มีอยู่หลายล้านล้านตัวส่วนใหญ่อยู่ภายในลำไส้และบนผิวหนังของคุณ ที่จริงแล้วมีเซลล์แบคทีเรียในร่างกายของคุณมากกว่าเซลล์ของมนุษย์เสียอีก ร่างกายของคุณมีเซลล์แบคทีเรียประมาณ 40 ล้านล้านเซลล์ ในขณะที่เซลล์ของมนุษย์มีเพียง 30 ล้านล้านเซลล์ จุลชีพเหล่านี้ทั้งหมดอาจมีน้ำหนักได้มากถึง 2–5 ปอนด์ (1-2 กก.) ซึ่งเท่ากับน้ำหนักของสมองของคุณ ร่วมกันทำหน้าที่เป็นอวัยวะเสริมในร่างกายของคุณและมีบทบาทสำคัญในสุขภาพของคุณ นั่นหมายความว่าคุณเป็นแบคทีเรียมากกว่ามนุษย์! มีแบคทีเรียมากถึง 1,000 […]

“Beauty Tech”เทคโยโลยีความงามจาก AI และ AR มันจะปฏิวัติอุตสาหกรรมความงามอย่างไร?

รีวิวครีม

การเติบโตของอีคอมเมิร์ซ การเพิ่มขึ้นของโซเชียลมีเดีย และแบรนด์ความงามใหม่ ๆ มากมาย ทำให้อุตสาหกรรมความงามมีการแข่งขันสูง หลายบริษัทกำลังแข่งขันกันเพื่อให้ได้ส่วนแบ่งการตลาดที่ใหญ่กว่า ทำให้เทคโนโลยีความงามอย่าง AI และ AR นำเสนอเครื่องมือทดลองและวิเคราะห์เสมือนจริงสำหรับ เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้แบรนด์ความงามเพิ่มยอดขายออนไลน์ แต่ยังปฏิวัติประสบการณ์แบรนด์อย่างสมบูรณ์ ให้การมีส่วนร่วมของลูกค้าที่น่าสนใจด้วย ประสบการณ์เสมือนจริง การนําปัญญาประดิษฐ์(AI) และเทคโนโลยีเสมือนจริง(AR) มาใช้ในอุตสาหกรรมของแบรนด์ความงามต่าง ๆ มันถูกกระตุ้นให้มีการพัฒนาและเกิดการใช้งานจริงเมื่อช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสที่ผ่านมา เนื่องจากบริษัทความงามเหล่านี้เจออุปสรรคในการให้บริการและอุปสรรคในการเลือกซื้อของผู้บริโภคเพราะการเข้าถึงหรือการทดลองผลิตภัณฑ์ที่เค้าเตอร์ยังมีความเสี่ยงต่อการสัมผัสกับเชื้อไวรัสดังกล่าว ปัญญาประดิษฐ์เหล่านี้จะมอบความสะดวกสบายและการตัดสินซื้อได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องเดินทางออกจากบ้าน  ทำให้ความต้องการของการใช้ระบบความงามทางดิจิทัลเพิ่มขึ้นในช่วงการระบาดใหญ่ แต่เมื่อการระบาดมีสถาณการณ์ที่ดีขึ้นดูเหมือนว่าบทบาทของ AI และ AR ในอุตสาหกรรมความงามก็ยังไม่ได้หายไปไหนกลับกลายเป็นว่ามันมอบประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการซื้อของของลูกค้า จึงทำให้แบรนด์ต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมในนวัตกรรมนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ประสบการณ์ความงามดิจิทัลใหม่ ๆ เหล่านี้จะสร้างยอดขายแซงหน้าการขายแบบออฟไลน์หรือไม่ เราจะต้องรอดูกันต่อไป AR (Augmented Reality) หมายถึง ระบบเสมือนจริง เป็นการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในชีวิตจริงผ่านระบบดิจิทัล เช่น ภาพ เสียง หรือองค์ประกอบทางประสาทสัมผัสอื่น ๆ อย่างที่เราเห็นผ่านตามาอย่างการนำวัตถุ 3D มาจำลองผ่านจอแสดงผล เพื่อให้เราได้เห็นภาพรวมโดยที่ยังไม่ต้องลงมือสร้างของจริง AI […]